แบรนด์เกาหลี COSMAX ผุดโรงงานแห่งที่ 2 ในไทย I การตลาดเงินล้าน
COSMAX โรงงานผลิตเครื่องสำอางจากเกาหลีใต้ ลงทุน 1,000 ล้านบาทขยายโรงงานผลิตเครื่องสำอางแห่งที่ 2 ในไทย
คุณ มินกู คัง กรรมการบริหาร คอสแมค ประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดกว่า 6 ปีที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัทฯ แม่ในเกาหลีใต้ เห็นถึงความสำเร็จที่ผ่านมา ในปีนี้ จึงตัดสินใจลงทุนขยายโรงงานผลิตเครื่องสำอางแห่งใหม่ ด้วยเม็ดเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมเป็น 2 เท่า และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2569
อีกทั้ง จะมีการนำนวัตกรรม และเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในโรงงานแห่งนี้ด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่วนลูกค้าของบริษัทเอง ก็ไม่ได้มีแค่นักธุรกิจคนไทยเท่านั้น ยังมีนักธุรกิจจากลาว และเมียนมา ที่เข้ามาสั่งผลิตเครื่องสำอางที่โรงงานในไทย ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คอสแมค เป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางจากเกาหลีใต้ ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี มีลูกค้าที่เป็นบริษัทความงามมากกว่า 600 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่บนเว็บไซต์
นอกจากโรงงานที่เกาหลีใต้ บริษัทฯ ยังมีการลงทุนตั้งฐานการผลิตเครื่องสำอางที่ประเทศอื่น ๆ อีกด้วย เช่น จีน, ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการลงทุนตั้งโรงงาน 2 แห่งคือ ที่ ไทย และ อินโดนีเซีย
สำหรับตลาดหลักที่ทำรายได้เติบโตมากที่สุด คือ เกาหลีใต้, จีน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งวัดจากขนาดของตลาด และระยะเวลาในการเข้าไปลงทุนที่นานกว่าประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติม ทั้งที่ญี่ปุ่น และอเมริกา เพราะ ตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง รวมถึง ยุโรป ก็เติบโตดีเช่นกัน
นั่นเป็นเพราะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเกาหลี หรือ เค บิวตี้ (K-Beauty) ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งผู้บริหาร จาก คอสแมค เล่าอีกว่า ความนิยมที่เพิ่มขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายเรื่อง เรื่องแรก คือ การพัฒนาด้านนวัตกรรม เนื่องมาจากการที่ ผู้หญิงเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางต่างมีการแข่งขันด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาตอบสนองผู้บริโภคอยู่เสมอ
เรื่องของราคาผลิตภัณฑ์ ก็เข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์ใหญ่ ๆ ของโลกรวมถึงการที่ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องสำอางเกาหลี มักจะถูกถ่ายทอดผ่าน ซีรี่ส์ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็น เค ดราม่า (K-Drama) หรือ เค ป็อป (K-Pop) ก็ช่วยให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกระจายไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยสุดท้าย คือ การสื่อสารผ่านโซเชียล มีเดีย ปัจจุบันมีอิทธิพลมากขึ้นทำให้ตลาดเครื่องสำอางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับในประเทศไทย คุณ มินกู คัง กล่าวว่า แบรนด์ของคนไทยเองที่ขายในไทย ก็มีชื่อเสียงและมีคุณภาพ เพราะถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนไทยโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ดี ตลาดในไทยถือเป็นอีกตลาดที่มีความท้าทาย เพราะมีคู่แข่งจำนวนมาก แต่ก็เป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูงเช่นกัน จากตัวเลขผลประกอบการล่าสุด ช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2567 บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ข่าวแนะนำ