'หลานม่า-ยูเรนัส' หนังไทยดันพลังซอฟต์พาวเวอร์

หนังไทยได้รับการตอบรับจากตลาดต่างประเทศและถูกยกให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ในช่วงที่ผ่านมา มีหลายเรื่อง  และในปีนี้ หนังที่ถูกกล่าวถึงหนีไม่พ้น เรื่อง หลานม่า ธี่หยด และสัปเหร่อ

มีรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ว่า ไต้หวัน เป็นหนึ่งในตลาดต่างประเทศที่มีหนังไทยมาเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง หนังเรื่องล่าสุด คือ “หลานม่า” เข้าฉายไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567  สร้างกระแสของหนังไทยในตลาดไต้หวันมีความคึกคักเพิ่มขึ้น

หลานม่าสามารถทำรายได้ Box Office จากการเข้าฉายทั่วไต้หวันในช่วงสุดสัปดาห์แรกเป็นอันดับ 3 ด้วยรายได้ประมาณกว่า 3 ล้านบาท เป็นรองเพียงภาพยนตร์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์อย่าง Inside Out 2  และภาพยนตร์เรื่อง Bad Boys 4

ในปี 2567 นี้ ถือเป็นปีที่มีหนังไทยมาเข้าฉายในไต้หวันจำนวนมาก จากเดิมมีภาพยนตร์ไทยเข้าฉายเฉลี่ยประมาณ 10 เรื่องต่อปี ในครึ่งปีแรกของปีนี้ มีภาพยนตร์ไทยมาเข้าฉายในไต้หวันแล้วมากถึง 14 เรื่อง ทำรายได้จากการเข้าฉายกว่า 47  ล้านบาท

ภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรกจากการเข้าฉายทั่วไต้หวันในปีนี้ คือ “ธี่หยด” ทำรายได้จากการเข้าฉายกว่า 27 ล้านบาท จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 78 แห่งทั่วไต้หวัน และเข้าฉายนานถึง 109 วัน

รองลงมาได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” ทำรายได้กว่า 5 ล้านบาท และภาพยนตร์เรื่อง “เกจิ คนฆ่าผี” เข้าฉายเมื่อกลางเดือน มิ.ย. ทำรายได้จากการเข้าฉายไปแล้วกว่า 5  ล้านบาทเช่นเดียวกัน

สำหรับหนังเรื่องหลานม่า เป็นที่สนใจของชาวไต้หวันไม่น้อย เพราะแนวทางการนำเสนอถูกจริตกับผู้ชมส่วนใหญ่ของไต้หวันที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์ในแนวซาบซึ้งกินใจจนต้องหลั่งน้ำตาระหว่างการชม ทำให้มีโอกาสสูงที่ภาพยนตร์เรื่องหลานม่าจะกลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้จากการเข้าฉายในไต้หวันมากที่สุดในปีนี้

จากกระแสตอบรับจากเรื่องหลานม่า สามารถสร้างความประทับใจและมีกระแสตอบรับอย่างล้นหลามให้ชาวไต้หวัน ทำให้หลายคนคิดถึงอาม่าของตัวเองขึ้นมา อีกทั้งยังส่งผลให้มีชาวเน็ตไต้หวันสนใจไปค้นหาเพลงกล่อมเด็กที่อาม่าร้องให้หลานฟัง ก่อนจะพบว่าเป็นเพลงกล่อมเด็กของชาวจีนแต้จิ๋วที่มีอยู่จริง จึงยิ่งสร้างความประทับใจให้กับเหล่าชาวเน็ตไต้หวันมากยิ่งขึ้น

ตรงนี้ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์จากหนังไทยที่สามารถนำไปสู่โอกาสทางการท่องเที่ยวและการค้าต่อไป

นอกจากนี้ยังมีหนังที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก กระทรวงวัฒนธรรม  คือ “ยูเรนัส – Uranus 2324 ซึ่งผ่านการคัดเลือกผลการพิจารณาตัดสินการสนับสนุนงบประมาณสำหรับสร้างภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย ประจำปีงบประมาณ 2567”

หนังเรื่องนี้เป็นแนวอวกาศเรื่องแรกของไทย โดยได้ฉายพร้อมกันทั่วประเทศไปแล้วตั้งแต่ 4 กรกฎาคม  

หนังเรื่องนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นโปรเจกต์ที่ผนึกกำลังของผู้นำในอุตสาหกรรมภาพยนต์ทั้ง บริษัท เวลเคิร์ฟ จำกัด ผู้นำธุรกิจโปรดักชั่นเฮาส์ ร่วมมือกับ บริษัท จีเอ็ม เจเนอเรทส์ จำกัด หนึ่งในผู้นำตัวแทนจำหน่ายและบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ตัวละครชั้นนำของไทย และ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) (CEYE) หนึ่งในผู้นำธุรกิจครีเอทีฟคอนเทนต์โฆษณา และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่ขยายธุรกิจมาสู่ภาพยนตร์

ผู้สร้างวางเป้าหมายเจาะตลาดอินเตอร์ ปัจจุบันได้รับความสนใจขายลิขสิทธิ์ไปแล้ว กว่า 27 ประเทศทั่วโลก