ธุรกิจในฮ่องกงล้มละลายเกือบ 4,000 แห่ง
ปัญหาเศรษฐกิจซบเซา ดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูงส่งผลให้หลายธุรกิจในฮ่องกงประสบปัญหาถึงขั้นยื่นล้มละลายจำนวนมาก
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานว่าฮ่องกงมีผู้ยื่นขอล้มละลายกว่า 870 คนในเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดรายเดือนในรอบ 2 ปี โดยนักเศรษฐศาสตร์มองว่าจำนวนคดีล้มละลายที่พุ่งสูง เกิดจากมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลงและอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง
ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสำนักงานผู้รับรองพิทักษ์ทรัพย์ ระบุว่าฮ่องกงมีการยื่นคำขอล้มละลาย 871 รายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 742 รายที่ยื่นในเดือนเมษายน และ 783 รายในเดือนมีนาคมและเมื่อรวมตัวเลขในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้พบว่ามีการบันทึกการล้มละลายมากถึง 3,797 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จาก 3,031 รายในช่วงเดียวกันของปี 2566
แม้ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นแต่ทางการฮ่องกงชี้แจงว่าตัวเลขนี้ไม่ได้สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของเมือง โดยหน่วยงานด้านการคลังของฮ่องกงระบุว่าหากวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆ อย่างรอบด้าน จะเห็นว่าเศรษฐกิจของฮ่องกงกำลังฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งค้าปลีกและการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามการยื่นขอล้มละลายที่เพิ่มขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับธนาคารที่เรียกคืนเงินกู้ โดยการเพิ่มขึ้นนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคลมากกว่า เมื่อนักลงทุนรายย่อยได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ไป แต่ราคาทรัพย์สินเหล่านั้นลดลงไป 40-50% ธนาคารอาจจะเรียกคืนเงินกู้ และนักลงทุนเหล่านั้นอาจถูกบังคับให้ยื่นล้มละลาย
ส่วนไซมอน ลี ซิ่วโป ผู้ทรงคุณวุฒิกิตติมศักดิ์ประจำสถาบันธุรกิจเอเชีย-แปซิฟิกของมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงในช่วงสองปีที่ผ่านมา เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้บุคคลล้มละลาย และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ เช่น การค้าปลีกและภาคบริการยังคงช้าอยู่
ทั้งนี้ล่าสุด ทางการฮ่องกงยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.75 เป็นครั้งที่เจ็ดตามการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับร้อยละ 5.25 ถึงร้อยละ 5.50 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 23 ปี
ข่าวแนะนำ