กยท.เดินหน้าพัฒนาองค์กรขับเคลื่อนนโนยายรัฐบาล ชิงความได้เปรียบ EUDR ชี้นำราคายางโลก มั่นใจสิ้นปี ราคาทะลุ 3 หลัก
กยท.เดินหน้าพัฒนาองค์กรขับเคลื่อนนโนยายรัฐบาล ชิงความได้เปรียบ EUDR ชี้นำราคายางโลก มั่นใจสิ้นปี ราคาทะลุ 3 หลัก
กยท.เดินหน้าพัฒนาองค์กรขับเคลื่อนนโนยายรัฐบาล ชิงความได้เปรียบ EUDR ชี้นำราคายางโลก มั่นใจสิ้นปี ราคาทะลุ 3 หลัก
กยท.เดินหน้าพัฒนาองค์กรสู่ความทันสมัยเป็นที่พึ่งของเกษตรกรชาวสวนยาง สานต่อนโยบายรัฐบาลผลักดันไทยกำหนดราคายางโลก ชิงความได้เปรียบจากกฎ EUDR ควบคุมตลาดยาง พร้อมเปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง เอาจริงปราบปรามยางเถื่อน มั่นใจปลายปีนี้ราคายางทะลุเลข 3 หลักอย่างแน่นอน
ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด กยท.) เปิดเผยว่า ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ กยท.สานต่อนโยบายด้านยางของรัฐบาลให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการพัฒนา กยท.ให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย เป็นที่พึ่งของเกษตรกรชาวสวนยาง และเป็นองค์กรที่สามารถควบคุมชี้นำราคายางโลกให้ได้ ภายในปี 2569 ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลก แต่ไม่สามารถควบคุม สร้างสถียรภาพราคายางได้ แต่ขณะนี้มีการเตรียมแผนรองรับ จัดระเบียบใหม่ ที่มีความชัดเจน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำยางโลกอย่างแท้จริง พร้อมทั้งจะผลักดันให้มีการเปิดซื้อขายยางตลอด 24 ชั่วโมง ลดการให้ความสำคัญของตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าของต่างประเทศ เพราะทำให้ราคาผันผวน หันมาให้ความสำคัญกับ Spot Market หรือ ตลาดที่มีการซื้อขายจริงส่งมอบยางทันทีมากขึ้น สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
นอกจากนี้ การที่คณะกรรมาธิการส่งเสริมการสนับสนุนดำเนินการตามกฎระเบียบว่าด้วยการไม่ตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR) ได้เสนอขยายระยะเวลาในการเตรียมปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าว ไปอีก 12 เดือนนั้น ยิ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถสอบทานหรือพัฒนาระบบการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและปฏิบัติตามกฎระเบียบ EUDR ได้ คือ ไทยและไอวอรีโคสต์ ซึ่งล่าสุดทั้ง 2 ประเทศได้มีการเจราจาความร่วมมือกันในการควบคุมยาง EUDR ให้ได้ 100% ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถชี้นำราคายางโลกได้ตามแผนที่วางไว้
สำหรับสถานการณ์ราคายางในช่วงปลายปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากมีการบริหารจัดการยางที่ีดีถูกต้องและเหมาะสม โดย กยท.ได้มีการวางแผนการผลิตยางแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็น น้ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน ยางก้อนถ้วยหรือขี้ยางที่นำมาทำยางแท่ง ว่าควรจะผลิตจำนวนเท่าไร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพยางให้ได้มาตรฐานสากล ประกอบกับการปราบปรามเถื่อนที่จริงจัง ซึ่งมีปริมาณถึง 300,000 ตันต่อปี ทำให้มีผลต่อราคายางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากอีกด้วย
“ถ้าราคายางขึ้นทุกๆ 1 บาทต่อกิโลกรัม เท่ากับประเทศมีรายได้เข้าประเทศอีก 5,000 ล้านบาท และเกษตรกรชาวสวนยางก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามมา ผมมั่นใจว่า จากการวางแผนบริหารจัดการยางที่ดีของ กยท. จะทำให้ยางมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพทะลุเลข 3 หลักภายในปีนี้อย่างแน่นอน โดยล่าสุดราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 มีราคาอยู่ที่ 98.55 บาท(FOB) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้กว่า 2 บาทต่อกิโลกรัม" ดร.เพิก กล่าวยืนยัน
ประธานบอร์ด กยท.กล่าวในตอนท้ายว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด กยท. ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มที่ และจะทำให้เห็นผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง EUDR ซึ่งประเทศไทยสามารถเป็นอันดับ1ของโลกในการผลิตยาง EUDR ได้ เนื่องจากจาก กยท. ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งการออกโฉนดต้นยางให้ครอบคลุมต้นยางทุกต้นในประเทศไทย ผลักดันเรื่องคาร์บอนเครดิตเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการขายคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ กยท. ยังจะผลักดันให้หน่วยธุรกิจ (Business Unit : BU) นำสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพมาจำหน่ายให้หลากหลายมากขึ้น จากปัจจุบันที่จำหน่าย ยางล้อ Greenergy Tyre ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี น้ำหมักชีวภาพปลาหมอคางดำที่มีราคาถูกแต่คุณภาพได้มาตรฐานกรมพัฒนาที่ดิน
ที่นอน หมอนยางพารา น้ำผึ้ง เป็นต้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับ กยท.
ข่าวแนะนำ