สรุปข่าว
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านใน ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้เปิดศึกสายเลือดตะลุมบอน และใช้เลื่อยทำร้ายร่างกายกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ สาเหตุเพียงแค่อีกฝ่ายจะตัดกิ่งต้นกระท้อนที่ยื่นออกไปในที่ดินของเขาทิ้ง เพื่อจะให้รถเข้าไปถมดิน แต่อีกฝ่ายที่เป็นคนปลูกไว้ไม่พอใจเพราะไม่ได้ขออนุญาตก่อนจึงห้ามไม่ให้ตัด จนเกิดการโต้เถียงรุนแรงและใช้เลื่อยธนูทำร้ายกันบาดเจ็บ เหตุเกิดวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ฝ่ายผู้บาดเจ็บได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ้านกรวด
ล่าสุด ร.ต.อ.ยงยุทธ ไผ่ล้อมวรกล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านกรวด เจ้าของคดี ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนคดี แต่เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เนื่องจากยังต้องสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องให้ครบทุกปาก ทั้งต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และรอตรวจสอบยืนยันจากแพทย์ว่าผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสหรือไม่
นายถาวร ธิจันทร์ดา อายุ 49 ปี น้าชายที่เข้าไปห้ามแต่ถูกหลานเขยใช้เลื่อยธนูสับจนศรีษะเลือดอาบต้องเย็บถึง 7 เข็ม และมีบาดแผลอีกหลายแห่งตามร่างกาย ก็ยืนยันว่าจะเอาผิดตามกฎหมายกับหลานเขยที่ทำร้ายตัวเองบาดเจ็บ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุทั้งหลานสาวและหลานเขยไม่เคยมาขอโทษสักคำ ในเมื่อไม่มาขอโทษก็อยากให้แสดงความผิดชอบจ่ายค่าเยียวยาและค่ารักษาพยาบาล แต่หากหลานเขยมาขอโทษหรือพูดคุยตั้งแต่แรกก็อาจจะไม่เอาเรื่องก็ได้ เพราะก็เป็นเครือญาติกันอยู่แล้ว
ด้านนางกุหลาบ ธิจันทร์ดา
อายุ 47 ปี ภรรยาของนายถาวร เล่าว่า วันเกิดเหตุตนนั่งกินข้าวโพดอยู่แคร่หน้าบ้าน
แล้วได้ยินเสียงทะเลาะกันรุนแรงจึงวิ่งออกไปดูก็เห็นสายสมโชค
หลานเขยกำลังใช้เลื่อยธนูทั้งสับและฟาดสามีที่ล้มกับพื้นหลายครั้งจนสามีเลือดไหลอาบ
จึงพยายามดึงตัวหลานเขยออกและขอร้องให้หยุด จากนั้นลูกสาวของตนเองและญาติพี่น้องก็วิ่งเข้ามาช่วยห้ามอีก หลานเขยจึงยอมหยุด หลังจากนั้นจึงรีบพาสามีส่งโรงพยาบาล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเครือญาติกันแต่สามีตนเองเป็นฝ่ายถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่หลานสาวซึ่งเป็นลูกของพี่สาวแท้ๆ
และหลานเขยคนที่ก่อเหตุไม่เคยมาสอบถามหรือขอโทษสักคำเลย ก็ทำให้รู้สึกเสียใจมาก
และหากวันเกิดเหตุไม่มีใครเห็นหรือเข้าไปช่วยห้ามปรามสามีตนเองก็อาจจะบาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะเสียชีวิตก็ได้ จึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายกับหลานเขยตามกฎหมาย และให้มารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลด้วย
ที่มาข้อมูล : -