ตามที่รัฐบาล กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า โดยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ยกระดับความปลอดภัยการใช้งาน Mobile Banking โดยดำเนินการตรวจสอบให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่อสกัดกั้นบัญชีม้าที่เป็นเส้นทางก่อ อาชญากรรมของมิจฉาชีพ
ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาชัยนาท มีประชาชนมาเข้าคิวเพื่อขอรับบริการ อัปเดตข้อมูลบัญชีธนาคารกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ Mobile Banking เพื่อยืนยันตัวตนให้ตรงกัน เพราะหวั่นจะไม่สามารถใช้บริการ Mobile Banking ได้ในอนาคต เช่นเดียวกับที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สาขานครราชสีมา บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
สรุปข่าว
นางสาวณัฐชยา ด้วงกลาง ชาวนครราชสีมา บอกว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพมาในหลายรูปแบบ ทำให้เธอเลือกจะพาแม่มาทำธุรกรรมการเงินฝาก-ถอนที่ธนาคารโดยตรง เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาข้อมูลส่วนบุคคลหรือเงินในบัญชีรั่วไหล จึงไม่ผูกบัญชีธนาคารหรือเบอร์โทรศัพท์ของแม่ไว้กับแอพพลิเคชั่นหรือบริการใดๆ
ที่ผ่านมา เคยมีเบอร์แปลกๆ โทรมาหาแม่ อ้างโน่นนี่ ก็จะบอกให้แม่กดตัดสายทิ้งทันที กลัวมาหลอกถามข้อมูล ซึ่งผู้สูงอายุจะหลงเชื่อคล้อยตามได้ง่าย และหากต้องการถอนเงิน ก็ยอมเสียเวลาพาแม่มาธนาคารโดยตรงจะดีกว่า
ส่วนตัวเธอ เป็นคนรุ่นใหม่ ก็จะใช้บริการ Mobile Banking แต่จะไม่กดลิงค์ใดๆที่ส่งข้อมาทางกล่องข้อความ ต้องรู้เท่าทันปัจจุบันมิจฉาชีพมีหลายรูปแบบ แอบอ้างรู้ข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ
ด้าน นางขวัญพร มาดายัง ชาวอำเภอเมืองนครราชสีมา บอกว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการใช้ AI เลียนภาพ เลียนเสียงได้เหมือนมาก ดังนั้นเมื่อมีเบอร์แปลกๆโทรมาหา จะใช้วิธีไม่รับสาย ถ้ามีคนส่งข้อความหรือแชร์มาหา ก็จะไม่กดลิงค์ใดๆ ส่วนบริการ Mobile Banking ยังจำเป็นต้องใช้ เพราะมีความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็จะต้องตรวจสอบบัญชีปลายทางให้ดีทุกครั้งก่อนจะกดโอน
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : ผู้สื่อข่าว จ.นครราชสีมา