
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2568 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอน กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518) ที่กำหนดข้อห้ามเกี่ยวกับทรงผมนักเรียน เนื่องจากจำกัดเสรีภาพเกินสมควร และไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน ศาลเห็นว่ากฎดังกล่าวขัดต่อ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าสิ้นผลโดยอัตโนมัติ

สรุปข่าว
เรื่องของทรงผมนักเรียน การลงโทษที่เกินกว่าเหตุ กลายเป็นประเด็นมายาวนานกว่า 12 ปีได้แล้ว เหตุการณ์สำคัญ คือ ปรากฎการณ์เนติวิทย์ ที่ออกมาเรียกร้องการยกเลิกทรงนักเรียนในรายการข่าวสมัยนั้น โดยเขามองว่า "นักเรียนมีสมองคิดเองได้ เขาอยู่ในสังคม เขาเห็นสังคม หัวของเขา มันเป็นสิทธิของเขา" และอยากให้ยกเลิกกฎระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงวงกว้างในเวลานั้น
นับแต่นั้นก็มีความพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกทรงผมของนักเรียน และยุติการลงโทษที่เกินกว่าเหตุ อาทิ การกล้อนผม และการลงโทษประจาร ซึ่งเมื่อกลายเป็นข่าว ประเด็นนี้ก็จะถูกนำมาพูดถึงเสมอว่า ถึงเวลายกเลิกระเบียบปฏิบัติลักษณะนี้ได้หรือยัง เพราะย้อนไปปี 2548 มีการออกกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนก็จริง แต่ไม่ได้กำหนดระเบียบเรื่องทรงผม แต่กลับกลายเป็นระเบียบที่โรงเรียนยึดถือปฏิบัติอยู่
กระทั่ง กลุ่มนักเรียน 23 คน ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุดในปี 2563 ให้เพิกถอนกฎกระทรวงว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน ที่มีมาตั้งแต่ปี 2518 ซึ่งสมัยนั้น อ้างอิงตามประกาศคณะปฏิบัติปี 2515
อันที่จริง สังคมไทยและภาคการเมืองไทย ได้ยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียนไปแล้ว โดยออกเป็นระเบียบกระทรวง เมื่อปี 2566 แต่กฎกระทรวงสมัยปี 2518 ยังคงอยู่ ก่อนที่ในที่สุด ระเบียบปฏิบัติเรื่องนี้ จะถูกถอนออกจากกฎกระทรวง ตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด อันเป็นที่สุดเด็ดขาด
ที่มาข้อมูล : TNN Online รวบรวม
ที่มารูปภาพ : TNN Online

ทศพล ชัยสัมฤทธิ์ผล