ติ๊ก ชิโร่ จิตใจแหลกสลาย เมาแล้วขับ ชนคนเสียชีวิต เคลียร์ปมพ่อเหยื่อร้องไม่ได้รับการเยียวยา

จากกรณีข่าวช็อกเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา ที่อดีตนักร้องชื่อดัง ติ๊ก ชิโร่ เมาแล้วขับ จนเกิดอุบัติเหตุขับรถตู้ชนรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย

ซึ่งล่าสุดผู้บาดเจ็บอีก 1 รายในเหตุการณ์ดังกล่าวเสียชีวิตลงแล้ว และทางคุณพ่อของผู้เสียชีวิตได้ร้องขอความเป็นธรรมว่ายังไม่ได้รับการเยี่ยวยาแต่อย่างใด

ติ๊ก ชิโร่ จิตใจแหลกสลาย เมาแล้วขับ ชนคนเสียชีวิต เคลียร์ปมพ่อเหยื่อร้องไม่ได้รับการเยียวยา

สรุปข่าว

นักร้องชื่อดัง ติ๊ก ชิโร่ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงปม เมาแล้วขับ เกิดอุบัติเหตุขับรถชนมีผู้เสียชีวิต หลังคุณพ่อเหยื่อร้องขอความเป็นธรรม จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับการเยี่ยวยา เผยสภาพจิตใจแหลกสลายเป็นผุยผง

โดยในเวลาต่อมาที่ทางภรรยาของ ติ๊ก ชิโร่ ได้มีการโพสต์ข้อความนัดแถลงข่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Nantasen Pantira ว่า..

"ทางเราขอเปลี่ยนวันและเวลาแถลงข่าวเป็น วันที่ 23.1.2568 เวลา 11:00 น สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยนะคะ เรียนเชิญสื่อมวลชนทุกแขนงมารับฟังแถลงการณ์ของพี่ติ๊ก ชิโร่ นะคะ"

และเมื่อถึงเวลานัดหมาย ติ๊ก ชิโร่ ได้เดินทางมาพร้อมกับ เอ๋ น้องสาวของ อ้อ พรรทิรา นันทเสน ภรรยาของติ๊ก และทนายความ และได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ว่า..

ถามว่าความรู้สึกผมเป็นยังไง ผมเลยได้เลยนะครับว่า ถึงแม้จะเห็นหน้าตาท่าทางดูแข็งแรง แต่จิตใจผมเนี่ย แตกสลาย ยุ่ยเป็นเหมือนผุยผง ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผม ทำให้ผมเวลาอยู่กับตัวเอง มันน่ากลัวมากครับ เจอเรื่องนี้เหมือนตายทั้งเป็น ถ้าไม่มีใครรู้เหมือนน้ำตาตกใน เหมือนจุกอกไปเลย

ผมคิดว่าเราทั้ง 2 ครอบครัวผมพูดอยู่เสมอว่าเรารู้สึกสูญเสียอย่างมาก ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าผมเลือกได้และขอได้ คงจะไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมา เป็นสิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถต้านทานได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว เราต้องยอมรับความเป็นจริง หาทางแก้ไข เยียวยา หาหนทางให้ 2 ครอบครัวดำรงชีวิต ก้าวเดินต่อไปได้

ภาพจาก : tikshirotoshirik

ผมรู้สึกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สูญเสียอย่างมาก ในอายุขนาดนี้ เราผ่านวิกฤติมาด้วยกันตั้งแต่โควิด มาจนถึงอะไรก็ตามที่ทำให้เราไม่แข็งแรงเหมือนสมัยก่อน อายุ หน้าที่การงานของผม อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่สามารถบันดาลทุกอย่างไปตามความรู้สึกเราได้"

สิ่งหนึ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด ผมเป็นนักร้องเป็นนักแต่งเพลง คิดว่าทำยังไงให้เยียวยาทุกด้านได้ แต่งเพลงและขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ ขอมอบเพลงนี้ให้กับเขา ให้รายได้ทุกบาทเข้าไปสู่น้องเมจิและน้องจูเนียร์ให้เป็นการเยียวยาได้อีกทางหนึ่ง

วันนี้ไม่ต้องการที่จะพูดจาเพื่อฟื้นสิ่งต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นมา เพื่อเสียดแทงความรู้สึก แต่พูดเพื่อบอกว่าผมทำตัวยังไงบ้าง ผมยังไม่ทราบเลยว่าจะเสียชีวิตเมื่อไหร่ แต่ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ผมพูดเสมอว่าผมเป็นสุภาพบุรุษและช่วยเหลือคนอื่นมาตลอด ในระหว่างที่ น้องจูเนียร์ รักษาตัว มีช่วงหนึ่งที่น้องกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน แต่คุณพ่อบอกที่บ้านไม่ได้มีห้องสำหรับน้อง จึงเอาน้องไปรักษาตัวที่ศูนย์พักพิงรามอินทรา มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 5 หมื่นบาททุกเดือน เดือนแรกผมจ่ายไป 5 หมื่น เดือนที่ 2 จ่ายไป 1 แสนบาท 

สำหรับเงินรายได้ของผมตอนนี้ ส่วนมากมาจากคอนเสิร์ตเหมือนเดิม เรื่องของเพลงในปัจจุบันค่อยข้างยากมากจริง ๆ ผมได้มีโอกาสนำเพลงออกมานำเสนอ แต่อาจจะเป็นเพราะแฟนเพลงเราอาจจะไม่ได้ใช้โซเชียลเป็นหลัก ในยุคเทป ยุคซีดี เรามีรายได้จากตรงนั้น ฉะนั้นผมไม่สามารถจะหยุดทำงานได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีรายได้เข้ามา เดือน ก.พ. ผมจะปล่อยเพลง เราต้องยอมรับว่ายุคนี้เราไม่สามารถจะทำเงินได้เหมือนสมัยก่อน"

ภาพจาก : tikshirotoshirik

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : เฟซบุ๊ก Nantasen Pantira - อินสตาแกรม tikshirotoshirik