
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก เนื่องจากตำแห่งที่ตั้งของประเทศอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ หรือ Ring of Fire ซึ่งเป็นแนวภูเขาไฟและร่องลึกมหาสมุทรรอบมหาสมุทรแปซิฟิก จุดเปลือกโลกบริเวณนี้จึงมีการเคลื่อนตัวสูง ทำให้แต่ละปีประเทศญี่ปุ่นเผชิญกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวนับครั้งไม่ถ้วน หากนับจากสถิติแล้วพบว่าญี่ปุ่นมีรายงานแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรงตั้งแต่ 5.0 ไม่ต่ำกว่าปีละ 60 ครั้ง จุดศูนย์กลางเกิดขึ้นทั้งบนบกและในทะเล และแม้ว่าในญี่ปุ่นจะมีตึกสูงจำนวนมาก แต่กลับไม่ค่อยมีข่าวตึกถล่มเมื่อเกิดแผ่นดินไหวออกมา เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีมาตรการป้องกันความเสียหายจากแผ่นดินไหว มีกฎหมายควบคุมอาคารและการก่อสร้างที่เข้มงวด ทุกอาคารต้องผ่านการออกแบบรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ มีฐานอาคารกว้างขึ้นเพื่อกระจายน้ำหนัก และมีการป้องกันแรงสั่นสะเทือนระหว่างชั้น โดยเฉพาะอาคารสูงต้องผ่านการตรวจสอบและปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้

สรุปข่าว
ตึกสูงของญี่ปุ่นนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการออกแบบสร้างอาคาร เพิ่มความสามารถในการดูดซับแรงสั่นทะเทือนและพลังงานจากแผ่นดินไหว อย่างเช่น
- โครงสร้างต้านแรงสั่นสะเทือน (Seismic Isolation Systems) เป็นที่นิยมในการสร้างอาคารของญี่ปุ่น โดยแยกพื้นอาคารจากพื้นดินโดยใช้ฐานรองรับแบบพิเศษที่สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ ทำให้ตัวอาคารได้รับแรงสั่นโดยตรงจากพื้นดิน
- โครงสร้างอาคารแบบยืดหยุ่น (Flexible Structures) อาคารส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นถูกออกแบบมาให้สามารถโค้งได้ในระดับหนึ่งโดยที่ไม่พังถล่มลงมา ด้วยการใช้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง อย่างเช่น เหล็กและคอนกรีตแบบพิเศษที่มีการเสริมแรงเพิ่ม
- ใช้ตุ้มถ่วงน้ำหนัก (Tuned Mass Damper - TMD) ถูกใช้ในอาคารบางแห่งของญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นลูกตุ้มขนาดใหญ่ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวลูกตุ้มนี้จะแกว่งทำให้เกิดความเฉื่อยซึ่งมากพอที่จะต้านและชดเชยพลังงานจลน์ ซึ่งเกิดจากกการแกว่งของยอดตึก
นอกจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังได้รับการฝึกฝนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุแผ่นดินไหวตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการอพยพ การป้องกันตัว และการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้น มีการซ้อมหนีภัยเป็นประจำ รวมถึงระบบการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างทันท่วงทีและทั่วถึง ทำให้สามาถรลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินลงได้
ที่มาข้อมูล : CNN, TNN EARTH
ที่มารูปภาพ : Envato

วาสนา ชูติสินธุ