นักวิทยาศาสตร์เผยว่า "ธารน้ำแข็งเกรท อาเล็ทช์" (Great Aletsch Glacier) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ อาจยังคงอยู่บางส่วนหากภาวะโลกร้อนถูกจำกัดไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส แม้ว่าการสูญเสียน้ำแข็งจำนวนมากจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วก็ตาม
องค์การสหประชาชาติรายงานว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ปริมาณการสูญเสียน้ำแข็งของธารน้ำแข็งทั่วโลกเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางวิกฤตโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
สรุปข่าว
สำหรับธารน้ำแข็ง “เกรท อาเล็ทช์” ซึ่งมีความยาว 20 กิโลเมตร และมีปริมาณน้ำกว่า 10,000 ล้านตัน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่าล้านคนต่อปี นักท่องเที่ยวสามารถชมความยิ่งใหญ่ของมันได้จากจุดชมวิว Jungfraujoch ที่ระดับความสูง 3,454 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
“แมทเธียส ฮุสส์” ผู้อำนวยการโครงการตรวจสอบธารน้ำแข็งสวิตเซอร์แลนด์ (GLAMOS) กล่าวว่า "เป็นไปได้สูงว่าธารน้ำแข็งเกือบทั้งหมดจะหายไป แต่ผมหวังว่าเราจะสามารถรักษาส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งอาเล็ทช์ไว้ได้"
นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสวิตเซอร์แลนด์เปิดเผยว่า หากไม่มีมาตรการควบคุมโลกร้อน ธารน้ำแข็งขนาดมหึมานี้จะละลายจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงหุบเขาสีเทาลึก แต่หากสามารถควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ธารน้ำแข็งจะยังคงอยู่ แม้ว่าจะสั้นลงและบางลงอย่างมาก ซึ่งจะช่วยลดระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นได้
ปัจจุบัน ธารน้ำแข็งกว่าครึ่งหนึ่งของเทือกเขาแอลป์อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึงสองเท่า ส่งผลให้ปริมาณน้ำแข็งลดลงเกือบ 40% ตั้งแต่ปี 2000 ด้าน “มาร์ตินา บารานดุน” นักธารน้ำแข็งจากมหาวิทยาลัยฟรีบูร์ก เผยว่า "จากปริมาณน้ำแข็งที่หายไป 40% นั้น 10% สูญเสียไปในเวลาเพียงสองปี (2022-2023) หากแนวโน้มนี้กลายเป็นภาวะปกติใหม่ เราจะเห็นธารน้ำแข็งลดลงอย่างรวดเร็วในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"
การค้นพบครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และย้ำถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรักษาธรรมชาติอันล้ำค่าให้คงอยู่ต่อไป
กองบรรณาธิการ TNN