ทั่วโลกไม่ช่วยกัน มี 15 ประเทศเท่านั้น ส่งแผนลดโลกร้อนทันกำหนด

เส้นตายสำหรับประเทศต่าง ๆ ในการยื่นแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (NDCs) ตามข้อตกลงปารีสได้ผ่านไปแล้ว แต่มีเพียง 15 ประเทศเท่านั้นที่ส่งเอกสารทันเวลา คิดเป็นไม่ถึง 8% ของ 194 ประเทศที่เข้าร่วมข้อตกลง นี่เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง เพราะ NDCs เป็นแผนสำคัญในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5-2°C

 

NDCs เป็นแผนที่ทุกประเทศต้องยื่นทุก 5 ปี เพื่อกำหนดแนวทางลดการปล่อยก๊าซ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนหรือฟื้นฟูระบบนิเวศเพื่อรับมือภัยพิบัติ โดยแต่ละรอบต้องมีเป้าหมายที่เข้มงวดขึ้น ระบบนี้เรียกว่า "ratchet up" เพื่อเพิ่มความพยายามระดับโลกในการแก้ปัญหาโลกร้อน

ทั่วโลกไม่ช่วยกัน มี 15 ประเทศเท่านั้น ส่งแผนลดโลกร้อนทันกำหนด

สรุปข่าว

แผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกยังล่าช้า เสี่ยงต่อเป้าหมายควบคุมโลกร้อน เนื่องจากมีเพียง 15 ประเทศจาก 194 ประเทศที่ส่งแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (NDCs) ทันกำหนด สะท้อนถึงความร่วมมือระดับโลกที่ลดลง ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายจำกัดโลกร้อนอยู่ที่ 1.5-2°C เป็นไปได้ยากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศส่วนใหญ่ไม่ส่งแผนตามกำหนด ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเจรจาด้านสภาพอากาศที่กำลังจะมีขึ้นใน COP30 ที่บราซิล เพราะหากไม่มี NDCs ครบถ้วน การเปรียบเทียบความคืบหน้าและการกำหนดงบประมาณสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกจะทำได้ยากขึ้น

 

โดยประเทศที่เผยแพร่แผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกฉบับใหม่ทันเวลา ภายในเส้นตายดังกล่าว 15 ประเทศ/เขตปกครอง ได้แก่ ประเทศอันดอร์รา บอตสวานา บราซิล เอกวาดอร์ เลโซโท สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ นิวซีแลนด์ เซนต์ลูเซีย สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อุรุกวัย สหรัฐอเมริกา และซิมบับเว ขณะที่ประเทศแคนาดาและญี่ปุ่น ได้ส่งแผนหลังครบกำหนดเส้นตายเพียงไม่กี่วัน ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ Carbon Brief องค์กรวิจัยจากสหราชอาณาจักร ระบุว่าประเทศที่พลาดกำหนดเส้นตายในการส่งแผนดังกล่าว มีส่วนทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas : GHG) ทั่วโลกถึง 83% และเกือบ 80% ของเศรษฐกิจโลก

 

โดยบราซิลเพิ่มเป้าหมายเป็นลดการปล่อยก๊าซ 59-67% ภายในปี 2035 แต่ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเดิมของปี 2025 ได้ ญี่ปุ่นตั้งเป้าลด 60% ในปี 2035 และ 73% ในปี 2040 ส่วนสหราชอาณาจักรตั้งเป้าลดอย่างน้อย 81% ภายในปี 2035

ประเทศที่ไม่ได้ส่งแผน รวมถึงจีน อินเดีย รัสเซีย และสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ปล่อยก๊าซรายใหญ่ของโลก อินเดียและจีนแม้เคยประกาศเป้าหมาย แต่กลับมีการปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัสเซียยังคงขยายการผลิตน้ำมันและก๊าซ

ที่น่ากังวลที่สุดคือสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะเคยยื่นแผนลดการปล่อยก๊าซ 61-66% ภายในปี 2035 แต่ขณะนี้การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในเวทีการเมืองอาจทำให้สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง

 

การที่ประเทศส่วนใหญ่ละเลยการยื่นแผนลดก๊าซเรือนกระจก สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่ลดลงในการแก้ปัญหาโลกร้อน นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากยังใช้พลังงานฟอสซิลต่อไปโดยไม่มีการควบคุม อุณหภูมิโลกอาจสูงขึ้นถึง 4.4°C ภายในปี 2100 ซึ่งจะก่อให้เกิดหายนะด้านสภาพอากาศ

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.8°C หากมีความร่วมมือระดับโลกและการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวที่เพียงพอ แต่หากประเทศมหาอำนาจลดการปล่อยก๊าซโดยเอาเปรียบประเทศอื่น เป้าหมายนี้อาจกลายเป็นไปไม่ได้ การตัดสินใจวันนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของโลกในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า

ที่มาข้อมูล : theconversation.com

ที่มารูปภาพ : Reuters