
ไซโคลนเขตร้อนที่เกิดขึ้นได้ยาก กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งตะวันออกที่มีประชากรหนาแน่นของออสเตรเลีย ทำให้ทางการประกาศคำเตือนฉุกเฉิน ปิดโรงเรียนหลายร้อยแห่ง และอาจทำให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนหลายพันหลัง
ไซโคลน “อัลเฟรด” จะพัดถล่มในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. ใกล้เมืองบริสเบนที่ผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งถือเป็นไซโคลนลูกแรกที่พัดถล่มภูมิภาคดังกล่าวในรอบมากกว่า 50 ปี

สรุปข่าว
คาดว่าฝนที่ตกหนัก น้ำท่วม ลมกระโชกแรง และคลื่นยักษ์จะพัดถล่มแนวชายฝั่งยาว 300 กิโลเมตรที่อยู่ระหว่างชายแดนรัฐควีนส์แลนด์และนิวเซาท์เวลส์ โดยบ้านเรือนเกือบ 20,000 หลังเฉพาะในเมืองบริสเบนแห่งเดียว ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม นักเล่นเซิร์ฟที่ต้องการความตื่นเต้นแล่นเซิร์ฟออกไปรับคลื่นสูง 5 เมตรที่เกิดจากพายุ ส่วนคนอื่น ๆ กำลังบรรจุกระสอบทรายเพื่อทำเป็นแนวกั้นน้ำ หรือเตรียมหนีขึ้นไปอยู่ในที่สูง
เจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการ แถลงว่า โรงเรียนมากกว่า 700 แห่งทั่วรัฐควีนส์แลนด์ และบริเวณแม่น้ำทางตอนเหนือของนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเสี่ยงต่อน้ำท่วม จะปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันพฤหัสบดีเป็นต้นไป
ขณะที่สายการบินแควนตัสและเวอร์จิ้น สายการบินหลักของออสเตรเลีย ยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก เช่นเดียวกับสนามบินนานาชาติโกลด์ โคสต์ ปิดให้บริการทั้งหมดในช่วงบ่ายวันที่ 5 มี.ค.
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย แถลงว่า ไซโคลน “อัลเฟรด” ดูเหมือนจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในช่วงเช้าของวันศุกร์นี้ ซึ่งจะทำให้เกิดกระแสลมแรง ความเร็วลมที่จุดศูนย์กลางอยู่ที่ 155 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในบางพื้นที่ และยังมีโอกาสที่พายุจะทำให้เกิดคลื่นสูงและรุนแรง จนสามารถทำให้เกิดอันตรายได้
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย แถลงว่า ไซโคลนเขต “อัลเฟรด” จะเป็นพายุลูกแรกที่พัดขึ้นฝั่งในพื้นที่ดังกล่าวของออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2517
อิฟเทคาร์ อาห์เหม็ด จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่า “นี่อาจเป็นสัญญาณว่า เนื่องจากภาวะโลกร้อน ไซโคลนเขตร้อนจึงแผ่ขยายวงออกไปไกลกว่าเขตร้อน จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมในพื้นที่ที่ไซโคลนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : Himawari-9/ Bureau of Meteorology, Australia

Sane Srisukhot
(Sane Srisukhot)