
หาก Sei Shōnagon นักเขียนยุคเฮอันมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน บางทีเธออาจไม่ได้เริ่ม The Pillow Book ด้วยคำว่า “Haru wa akebono” หรือ “ฤดูใบไม้ผลิคือรุ่งอรุณ” เพราะฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงอาจแทบไม่เหลืออยู่แล้ว อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญการเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวไปฤดูร้อนอย่างฉับพลัน โดยมีฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเหลือเพียงช่วงเวลาสั้นๆ หรือแทบไม่มีอยู่จริง
ในอดีต ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสี่ฤดูชัดเจน ฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยซากุระบาน และฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี แต่ปัจจุบัน อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ฤดูเหล่านี้ค่อยๆ หดสั้นลง ในขณะที่ฤดูร้อนยาวนานขึ้นและร้อนจัดมากขึ้น ส่วนฤดูหนาวก็เริ่มต้นช้ากว่าเดิมและมีหิมะตกหนักในบางช่วงแต่ไม่สม่ำเสมอ

สรุปข่าว
ปรากฏการณ์ Arctic Amplification ส่งผลให้ลมตะวันตก (westerlies) เปลี่ยนทิศผิดปกติ ทำให้ญี่ปุ่นเผชิญคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ฤดูใบไม้ผลิควรจะเริ่มต้น แต่อากาศกลับร้อนจัดเหมือนฤดูร้อนมาถึงเร็วขึ้น นอกจากนี้ ลมจากทวีปเอเชียที่ปกติจะนำความเย็นมาสู่ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วงกลับลดลง ส่งผลให้อากาศไม่เย็นลงตามปกติ
อุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากกระแสน้ำ Kuroshio ที่เปลี่ยนเส้นทาง ทำให้ลมทะเลที่พัดเข้าสู่ญี่ปุ่นในช่วงเปลี่ยนฤดูยังคงร้อนอบอ้าว ส่งผลให้ฤดูร้อนลากยาวไปจนถึงช่วงที่ควรเป็นฤดูใบไม้ร่วง
ผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีทั้งฤดูปลูกพืชที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร เช่น ดอกซากุระบานเร็วขึ้นจนผิดปกติ อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้แมลงศัตรูพืชและโรคระบาดเพิ่มขึ้น วงจรชีวิตของสัตว์ป่าเปลี่ยนแปลง เช่น นกอพยพมาผิดเวลา และหมีออกจากการจำศีลเร็วขึ้น อากาศร้อนจัดทำให้เมืองต่างๆ เผชิญคลื่นความร้อนนานขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชากร
ในอนาคต หากแนวโน้มภาวะโลกร้อนยังดำเนินต่อไป ญี่ปุ่นอาจมีเพียง ฤดูหนาวที่สั้นและรุนแรง กับ ฤดูร้อนที่ยาวนานและร้อนจัด ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามอาจกลายเป็นเพียงอดีตที่ถูกบันทึกไว้ในวรรณกรรมเก่า
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือทางออกเดียว หากมนุษยชาติยังคงเพิกเฉยต่อวิกฤตนี้ เราอาจได้เห็นโลกที่มีเพียงสองฤดู และธรรมชาติที่เราเคยชื่นชมอาจเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ที่มาข้อมูล : nippon.com
ที่มารูปภาพ : Reuters

Sane Srisukhot
(Sane Srisukhot)