ครม.ทุ่มเงิน 620 ล้านบาท แก้ปัญหา "ไฟป่า-หมอกควัน-ฝุ่น"

ด้าน กระทรวงคมนาคม มีมาตรการขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการสาธารณะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการสำรวจพบว่ารถบนท้องถนนลดลง 500,000 คันต่อวัน ทำให้กรุงเทพมหานครรถติดน้อยลงจากมาตรการนี้

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมมือกับอาเซียนแก้ไขปัญหา ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา อย่างดี  และมีกรอบความร่วมมือด้านนโยบายให้เกิดความชัดเจนกับประเทศภูมิภาคเอเชีย และประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ที่จะให้ความร่วมมือกับเทคนิคและความรู้ของแต่ละประเทศ จะสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างไรบ้าง โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ทุกกระทรวงที่ได้สั่งการไป ได้มีการติดตามงานอย่างใกล้ชิด 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบกลางภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 วงเงิน 620 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้แต่ละกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาไฟป่า รวมถึงฝุ่นละออง และควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ อย่างคุ้มค่า

ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงถึงการของบกลางฯ จำนวน 329 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ประกอบการ หลังได้ใช้มาตรการรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี เพื่อลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ว่า ได้มีการตัดลดงบประมาณลง เหลือเพียงการชดเชยในส่วนของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กว่า 133 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กว่า  51 ล้านบาท รวมเสนอของบประมาณกว่า 185 ล้านบาท 

ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ประมาณ 144 ล้านบาทนั้น เนื่องจาก รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง จึงให้ รฟม.ใช้งบประมาณของตัวเอง ซึ่งสาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณส่วนนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ขณะเดียวกัน เรื่องของจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคนนั้น ทางกระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยในส่วนนี้  

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบประมาณที่จะนำมาใช้ชดเชยให้แก่ผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและรถเมล์แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังเห็นชอบให้อำนาจ "อธิบดีกรมควบคุมโรค" ประกาศพื้นที่ควบคุมโรคจมฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชม. มากกว่า 75 ไมโครกรัมต่อลูกบากศ์เมตร โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ พิจารณาปรับรูปแบบการทำงาน โดยให้บุคลากรทำงานนอกสถานที่ตั้ง เช่น การทำงานที่บ้าน และงดกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัส PM 2.5  และให้อำนาจอธิบดีกรมควบคุมโรคประกาศเขตพื้นที่ที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ป้องกัน หรือควบคุมโรคที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเมื่อมีการประกาศดังกล่าวแล้ว เอกชนต้องปฏิบัติตามมาตรการเฉพาะสำหรับเขตพื้นที่นั้น เช่น การหยุดงาน การปิดสถานประกอบการชั่วคราว เป็นต้น หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท