พ่นน้ำสยบฝุ่น ช่วยได้จริงหรือ
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสเกี่ยวกับการพ่นน้ำเพื่อลดปัญหาฝุ่นในวันที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
ในช่วงที่ปัญหาฝุ่นละอองในอากาศสูงเกินมาตรฐาน มาตรการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้คือการฉีดพ่นน้ำในบรรยากาศหรือบนถนน ซึ่งวิธีการนี้มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นขนาดใหญ่และฝุ่น PM10 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน มาตรการดังกล่าวได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในช่วงวิกฤต เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจและโรคเรื้อรังอื่นๆ
สรุปข่าว
ฝุ่น PM10 มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ส่วนใหญ่มาจากการก่อสร้าง การเผาขยะ เผาป่า หรือการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อฝุ่นชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น น้ำมูกไหล คอแห้ง และในระยะยาวอาจนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) การฉีดพ่นน้ำที่มีละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สามารถช่วยจับฝุ่น PM10 และฝุ่นขนาดใหญ่ (TSP) ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีแหล่งกำเนิดจากการเผาไหม้ของฟอสซิล น้ำมันดีเซล และการเผาวัสดุเหลือใช้ในภาคการเกษตร ฝุ่นชนิดนี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ทะลุถุงลมปอด และเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งปอด การจัดการฝุ่น PM2.5 จึงจำเป็นต้องแก้ที่แหล่งกำเนิด เช่น การลดการเผาชีวมวล ห้ามใช้น้ำมันดีเซล และลดการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
ถึงแม้ว่าการพ่นน้ำจะไม่สามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้โดยตรง แต่ก็มีประโยชน์อย่างมากในการลดฝุ่น PM10 และฝุ่นขนาดใหญ่ในช่วงที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน การฉีดพ่นน้ำจึงถือเป็นมาตรการเสริมที่ช่วยบรรเทาผลกระทบด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีความเสี่ยงสูงต่อการได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง
ดังนั้น การฉีดพ่นน้ำในช่วงวิกฤตของฝุ่นละอองในอากาศเป็นสิ่งที่ควรดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการลดฝุ่นที่แหล่งกำเนิด การผสมผสานมาตรการเหล่านี้จะช่วยลดมลพิษในอากาศ และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว
ที่มาข้อมูล : Sonthi Kotchawat
ที่มารูปภาพ : Reuters