เตือน "ฝุ่นพิษ" พุ่งทั้งสัปดาห์ คาด 22 ม.ค. พีคแตะระดับสีแดง กทม.แนะ Work From Home

ขณะที่ ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศทั่วประเทศ เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) พบเกินค่ามาตรฐานถึง 51 จังหวัด  โดยทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานคร เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้น ภาคใต้ ที่เกินค่ามาตรฐานเพียง 1 จังหวัด คือ จังหวัดชุมพร  

นายศักดา ตรีเดช ผู้อำนวยการศูนย์แบบจำลอง คุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ ประเมินสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ว่า สัปดาห์นี้ ในกรุงเทพมหานครหลายพื้นที่จะมีค่าฝุ่น PM2.5 สูงถึงระดับสีส้ม และบางจุดไปถึงระดับสีแดง  นอกจากนี้ หลายจังหวัดทั้งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ก็จะมีค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) หลายจุดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีค่าฝุ่น PM2.5 ขึ้นไปแตะถึงระดับสีแดง หรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน โดยค่าฝุ่นจะสูงต่อเนื่องไปตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ และมีแนวโน้มคลี่คลายในสัปดาห์หน้า

ขณะที่ กทม. มีการประกาศหยุดเรียนในโรงเรียน 4 แห่ง ในพื้นที่เขตหนองแขม เขตราษฎร์บูรณะ  และเขตคลองสามวา โดยให้นักเรียนเรียนแบบออนไลน์แทน เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนที่ยังเปิดอยู่ ให้มอนิเตอร์ค่าฝุ่น และจัดเตรียมเซฟโซนให้เด็กนักเรียน บางแห่งมีการทำเป็นห้องเรียนปลอดฝุ่นแล้ว หากพบค่าฝุ่นมีสีแดงติดต่อ 3 วัน ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถใช้ดุลพินิจ สั่งหยุดเรียนได้ทันที ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นย้ำหน่วยงานต่าง ๆ ให้ทำงานที่บ้าน หรือหันมาใช้รถสาธารณะในการเดินทางเพื่อลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน   

ด้านกรมอนามัย มีการประเมินค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุข เป็นค่าเสียโอกาสด้านสุขภาพเนื่องจากฝุ่น PM 2.5  เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าหน้ากากอนามัย เครื่องฟอกอากาศ สูงถึงปีละ 2,000 - 3,000 ล้านบาท โดยกว่าร้อยละ 75 เป็นค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านราย  เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  โรคตาอักเสบ โรคผิวหนังอักเสบ  โรคหืด  และหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน