ในอีกด้านหนึ่ง พฤติกรรมการบริโภคของชาวจีนก็นับว่ามีส่วนสำคัญยิ่ง รายได้เฉลี่ยต่อหัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วช่วยเพิ่มความต้องการของชาวจีนในเชิงคุณภาพ
พฤติกรรมดังกล่าวยังมีลักษณะพิเศษที่ “เปิดกว้าง” ต่อการพัฒนาใหม่ การมีประชากรอินเตอร์เน็ตระดับ 1,000 ล้านคนซึ่งมากที่สุดในโลก ทำให้ผู้บริโภคในจีน “รับรู้” และ “กล้าลอง” ของใหม่มากและเร็วกว่าของชาติอื่น ช่วยเพิ่มโอกาสของความสำเร็จของธุรกิจในการนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้สึกว่า ผู้บริโภคชาวจีนในช่วงหลายปีหลังต่างมองหา คาดหวัง และตอบรับใน “เชิงรุก” ต่อโซลูชั่นและวิธีการที่จะทําให้ชีวิตสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ธุรกิจที่มีโมเดลธุรกิจและโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ของผู้บริโภคจีนสามารถเติบใหญ่ได้อย่างรวดเร็วไปด้วย
รถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่อาจพูดถึงได้ ย้อนกลับไปเมื่อราว 10 ปีก่อน ผู้บริโภคจีนต่างเฝ้าดูการเปิดตัว EV ใหม่ของแต่ละค่ายโดยให้ความสำคัญกับสมรรถนะระยะทางต่อการชาร์จ และอื่นๆ โดยผู้บริโภคจีนมักใช้เกณฑ์ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเป็นพื้นฐาน
หาก EV รุ่นใหม่ไม่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค แต่ผ่านไปไม่นาน เกณฑ์ดังกล่าวในปัจจุบันถูกขยับไปสู่ 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จซะแล้ว และผมเชื่อว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต สิ่งนี้ทำให้ค่ารถยนต์ต้องเร่งพัฒนาแบตเตอรีเจนใหม่ออกมา ไม่อย่างนั้นก็จะ “ตกขบวน”
ขณะเดียวกัน ธุรกิจในจีนยังสามารถใช้จังหวะโอกาสของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์อื่น การสะสมฐานข้อมูลลูกค้าผ่าน “บิ๊กดาต้า” ก็เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคและโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มากมายในอนาคต
ขณะที่พัฒนาการของสื่อสังคมออนไลน์ของจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โต่วอิน” (Douyin) ที่เรารู้จักกันในชื่อของ “ติ๊กต็อก” (TikTok) ก็ทำให้เกิดการนำเสนอคอนเท้นต์รูปแบบใหม่ หนึ่งใน “ความร้อนแรง” ด้านการตลาดของอุตสาหกรรมบันเทิงจีนในปี 2024 ก็ได้แก่ ความนิยมใน “ละครสั้น” หรือ “ไมโครดราม่า” (Micro Drama) ซึ่งส่วนใหญ่มีความยาวไม่เกิน 2 นาที
คอนเท้นต์ลักษณะนี้นิยมถ่ายทำในฉากที่เรียบง่าย นักแสดงนำที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยใช้เวลาเพียง 7-10 วันเท่านั้นในการถ่ายทําทั้งซีรีส์ ทำให้ใช้ต้นทุนและระยะเวลาในการผลิตที่ต่ำ รวมทั้งยังไม่ติดเงื่อนไขในการเซนเซอร์ที่เข้มข้นของรัฐบาลจีน ส่งผลให้มีความเสี่ยงน้อยในเชิงธุรกิจ
ประการสำคัญ ละครสั้นเหล่านี้มีคอนเท้นต์ที่น่าตื่นเต้นและมักหักมุมอย่างสร้างสรรค์ในตอนท้าย ทำให้ผู้คน “ติดอกติดใจ” ขณะเดียวกัน คอนเท้นต์ที่สั้น กระชับ ไม่ต้องใช้เวลาในการรับชมยาวนาน ก็ยัง “ถูกจริต” กับกลุ่มวัยรุ่นและคนวัยทำงาน และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้รับชมทางสมาร์ตโฟนขณะเดินทาง
ในระยะแรก คอนเท้นต์เหล่านี้ถูกนำเสนอให้ชมแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใน 2-3 ตอนแรกหรือเมื่อเรื่องดำเนินไปจนคนติดกัน “งอมแงม” แล้ว หลังจากนั้น ผู้ชมก็จะได้รับแจ้ง “ทางเลือก” ในการชำระเงินเพื่อรับชมต่อ เช่น ซีรีส์ที่มีความยาว 100 ตอน อาจเสนอแพ็กเกจรับชมแบบ 20, 30 หรือ 50 ตอน
สรุปข่าว
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญในวงการคาดว่าอุตสาหกรรม “ละครสั้น” นี้จะมีมูลค่ารวมถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2027 เลยทีเดียว!!!
นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีหลังนี้ เทคโนโลยียังได้กลายเป็นหนึ่งใน “คำตอบ” สำหรับการแก้ไขปัญหาคอขวดระหว่างกระบวนการพัฒนาและการคิดหานวัตกรรมใหม่เชิงพาณิชย์
ท่ามกลางความแพร่หลายของสมาร์ตโฟนในหมู่ผู้บริโภคจีน การวิจัยออนไลน์ก็เป็นวิธีการที่ทำให้ธุรกิจอยู่ใกล้ชิดและเข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคในจีนมากขึ้นจนเป็นแบบ “เรียลไทม์” มากขึ้นทุกขณะ ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการผุดขึ้นของโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
จากศักยภาพทางธุรกิจดังกล่าว ในฐานะนักกลยุทธ์ทางธุรกิจ เราควรถามตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะ “เปลี่ยนเลนส์แซง” โดยการสร้างสรรค์รูปแบบการดําเนินงานที่แตกต่างจากคู่แข่งขันเดิมได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพปัจจัยทางธุรกิจที่มีทรัพยากรจำกัดและระดับการแข่งขันที่สูง
ประการสำคัญ กระแส “ปัญญาประดิษฐ์” ในระยะหลังกำลังทำให้โลก “เปลี่ยนโฉม” ไปอย่างรวดเร็ว กิจการในจีนจึงเริ่มคิดหาแนวทางและวิธีการในการลดกระบวนการพัฒนาดังกล่าวโดยมิได้อาศัยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของ “สมองมนุษย์” เท่านั้น แต่ยังใช้การคิดอย่างเป็นระบบและเปี่ยมประสิทธิภาพของ “สมองจักรกล” อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ธุรกิจจีนยังให้ความสำคัญกับ “การตอกย้ำ” อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบในเชิงการตลาด ผู้บริหารของไอเอ็มมอเตอร์ (IM Motors) กิจการรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะภายใต้อแบรนก์ IM ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างแซ็คมอเตอร์ (SAIC Motors) กับอาลีบาบา (Alibaba) เคยกล่าวไว้ว่า “แบรนด์ที่ไม่เร่งความเร็วและทำซ้ำมากพอจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ...”
ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม FMCG เกม ลอจิสติกส์ ความบันเทิง เทคโนโลยีระดับสูง และอื่นๆ เราจึงเห็นแบรนด์ในจีนกําลังเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์และมองหาทางออกจากวิกฤติของความท้าทายจากปัจจัยเชิงภูมิรัฐศาสตร์ได้อย่างรวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น เพียง 2 เดือนหลังจากถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเมื่อต้นปี 2021 เสียวหมี่ (Xiaomi) หนึ่งในแบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคชั้นนำของจีน ก็ประกาศ “ดาวดวงใหม่” ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจเข้าสู่โลกยานยนต์ภายใน 3 ปี ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์โดยตรงในธุรกิจนี้มาก่อน
เพียง 3 ปีต่อมา บริษัทฯ ก็เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า “สุดแจ่ม” คันแรกที่แสดงถึงวัฒนธรรมองค์กรของเสียวหมี่ที่ “กล้าเสี่ยง” และ “ปฏิบัตินิยม” และตอกย้ำถึงแนวคิดในการสร้างแบรนด์ที่ “นอกกรอบ” ขยายขอบข่ายข้ามประเภทสินค้าและบริการที่ยึดถือมาโดยตลอดอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสความสนใจของนักการตลาดและกระแสการตอบรับเชิงบวกจากผู้บริโภคจีน
ความสำเร็จในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนก็นำไปสู่ “ความเร็วของจีน” ที่ช่วยให้เสียวหมี่เริ่มผลิตสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เลยไปจนถึงหมวดหมู่ “อินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง” และยานยนต์ไฟฟ้าในยุคหลัง และผมเชื่อมั่นว่า เสียวหมี่และกิจการอื่นในจีนจะสานต่อแนวคิดในการพัฒนาบนพื้นฐานของ “ความเร็ว” ต่อไปอย่างแน่นอน
ธุรกิจจีนยังมีตัวอย่างให้เราได้ศึกษาเรียนรู้อีกมาก แต่ต้องอ่านต่อตอนหน้าครับ ...
ที่มาข้อมูล : ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
ที่มารูปภาพ : AFP