YLG แนะเก็งกำไรทองคำผ่านตลาดฟิวเจอร์ส หลังนักลงทุนไม่วางใจนโยบายทรัมป์หนุนทองดีดขึ้น
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เปิดเผยว่า ราคาทองคำล่าสุดเคลื่อนไหวแกว่งตัว ขึ้น (Sideway up) ท่ามกลางโมเมนตัมแรงซื้อที่เข้ามาได้ดีในระยะสั้น แม้ว่าราคาได้ปรับลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 2,690 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ในวันก่อนหน้าที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อรอจับตาการแถลงนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายการค้า
ในระยะหลังจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของทรัมป์ และคาดการณ์ว่าตลาดการลงทุนจะผันผวนมากขึ้น ทั้งนี้ ในพิธีสาบานตน นายทรัมป์ยังคงให้คำมั่นการกลับมาเพื่อสานต่อนโยบาย America First (อเมริกาต้องมาก่อน) และประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตาอย่างต่อเนื่องคือนโยบายทางการค้า โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า ที่อาจไปเพิ่มความเสี่ยงในการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ จนทำให้เฟดไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยลงได้ตามแผน และกลับมากดดันทองคำในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบัน ( ณ 22 ม.ค.) ราคาทองคำกลับปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าทรัมป์ จะทยอยเปิดเผยแผนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าในแต่ละประเทศก็ตาม แต่แผนดังกล่าวนั้นมีความผ่อนคลายลงกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากไม่ได้เป็นการใช้ Executive Order หรือ อำนาจในการลงนามในคำสั่งทางบริหารของประธานาธิบดี ในการประกาศใช้ฉุกเฉิน และไม่ได้ขึ้นภาษีแบบเหมารวมทุกประเทศ โดยเฉพาะกับจีนที่ล่าสุดทรัมป์ ได้กล่าวว่ากำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีกร้อยละ 10 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2568 ซึ่งท่าทีดังกล่าวมีความแข็งกร้าวน้อยกว่าที่เคยหาเสียงเอาไว้ว่าอาจขึ้นภาษีกับจีนมากถึงร้อยละ 60
แม้ว่าการกลับมาของทรัมป์ จะสนับสนุนให้สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับความนิยมในระยะสั้น แต่ขณะเดียวกันการที่ทรัมป์ เคยได้กล่าวความประสงค์เอาไว้ว่า มีความต้องการเข้ายึดคลองปานามา-เกาะกรีนแลนด์ และอยากจะเปลี่ยนให้แคนาดากลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ ปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้ทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับการถือครองในระยะยาว
ดังนั้น YLG จึงยังคงเป้าหมายทองคำที่ 2,850-3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่เป้าหมายของราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ อยู่ที่ระดับ 46,000-48,500 บาทต่อบาททองคำ (ณ อัตราแลกเปลี่ยน ที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งหากค่าเงินบาทอ่อนค่าเหนือระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ จะทำให้ราคาทองคำแท่ง 96.5% มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 50,000 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้ สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำในปีนี้ที่จะแกว่งตัวผันผวนขึ้นนั้น มองว่าสามารถใช้เป็นจังหวะเก็งกำไรสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น โดยสามารถใช้ 2,726-2,708 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็นแนวรับสำคัญ และใช้ 2,776-2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เป็นแนวต้าน ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มองกรอบการเคลื่อนไหวระยะสั้นที่โซน 43,500-44,900 บาทต่อบาททองคำ
นอกจากนี้ ในจังหวะที่ทองคำเคลื่อนไหวสลับทั้งบวกและลบ ยังเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้าลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส ที่สามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิ์ใช้งาน trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน คือ 1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile 2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค 3.การแจ้งเตือนราคา 4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี้ 5.ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก
โดยวายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี
เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มต้นที่ 100 บาท
สรุปข่าว
ที่มาข้อมูล : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
ที่มารูปภาพ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด