สรุปข่าว
รายงานข่าวระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟฯ หรือ บอร์ด รฟท. เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ได้มีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการประกวดราคา โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น - หนองคาย และสั่งกิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง วงเงิน 28,679 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7 แล้ว) ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคากลางกำหนดไว้ที่ 28,719.9 ล้านบาท โดยโครงการก่อสร้างมีระยะทาง 167 กิโลเมตร
สำหรับผลการพิจารณาดังกล่าวเป็นไปตามที่ ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ได้นำผลการพิจารณาการประกวดราคาจ้างโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น - หนองคาย ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ถูกต้อง ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารประกวดราคา มารายงานต่อคณะกรรมการรถไฟฯ โดยมี กิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง ซึ่งประกอบด้วย 1.บริษัท ช.ทวีก่อสร้าง จำกัด 2.บริษัท เอ. เอส. แอสโซซิเอท เอนจิเนียริ่ง (1964) จำกัด 3.บริษัท ทิพากร จำกัด และ 4.บริษัท เค เอส ร่วมค้า จำกัด เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขั้นตอนต่อไป การรถไฟฯ จะดำเนินการตรวจเอกสาร เมื่อครบถ้วนแล้วจะทำการลงนามในสัญญาจ้างร่วมกับกิจการร่วมค้า ช.ทวี-เอเอส ก่อสร้าง เพื่อดำเนินการก่อสร้างในโครงการทันที ทั้งนี้ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หลังมีการประกาศเชิญชวน และจำหน่ายเอกสารประกวดราคาจ้างในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-bidding) เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนปีนี้ที่ผ่านมา ซึงมีผู้สนใจเข้ายื่นเอกสาร 4 ราย คือ 1. บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (CK) // 2. บมจ. ช.การช่าง (CK) // 3. บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) // และ 4. กิจการร่วมค้า ช.ทวี - เอเอสก่อสร้าง
นายวีริศ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อการเดินทางจากช่วงชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น ผ่านจังหวัดอุดรธานี และสิ้นสุดที่สถานีหนองคาย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ในแผนงานที่ 1 การพัฒนาโครงข่ายระหว่างเมือง (การพัฒนาระบบรถไฟทางคู่) ซึ่งการรถไฟฯ ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการได้ประมาณปี 2570 จะเป็นเส้นทางนี้จะช่วยเติมเต็มระบบรถไฟทางคู่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง ทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร
ที่มาข้อมูล : -