TNN ผู้แทนรัสเซีย-จีนประจำยูเอ็น ขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้นต่อเหตุการณ์อิหร่าน-อิสราเอล

TNN

World

ผู้แทนรัสเซีย-จีนประจำยูเอ็น ขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้นต่อเหตุการณ์อิหร่าน-อิสราเอล

ผู้แทนรัสเซีย-จีนประจำยูเอ็น ขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้นต่อเหตุการณ์อิหร่าน-อิสราเอล

ตัวแทนรัสเซียและจีนขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้นหลังอิหร่านโจมตีอิสราเอลตอบโต้กรณีถูกโจมตีสถานกงสุล ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลายฝ่ายกังวลสถานการณ์บานปลาย

วาสซิลี เนเบนเซีย ผู้แทนรัสเซียประจำสหประชาชาติ และ ไต้ ปิง รองผู้แทนจีนประจำสหประชาชาติ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้กรณีที่ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้โจมตีสถานกงสุลอิหร่านประจำซีเรีย ในที่ประชุมความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC โดยทั้งสองคนต่างก็แสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน คือขอให้ทุกฝ่ายอดกลั้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันสถานการณ์บานปลาย


ตัวแทนรัสเซีย ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัสเซียมองว่า อิหร่านไม่ได้มีเจตนาที่จะยกระดับการโจมตีอิสราเอลอีกต่อไป ดังนั้น จึงขอให้ชาติตะวันตกและอิสราเอลหลีกเลี่ยงการใช้กำลังที่จะทำให้สถานการณ์ความมั่นคงในตะวันออกกลางที่กำลังเต็มไปด้วยปัญหาโดยเฉพาะอย่างผลจากการเผชิญหน้ากันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสเลวร้ายลงไปอีก


ส่วนตัวแทนจีน ระบุว่า จากการสังเกตการณ์พบว่า อิหร่านได้โจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้เรื่องที่ถูกอิสราเอลโจมตีสถานกงสุลก่อนหน้านี้ ดังนั้น เรื่องนี้ถือว่าได้ข้อยุติลงแล้ว จากนี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ความอดทนอดกลั้น และใช้วิธีสันติตามวัตถุประสงค์ของกฎบัตรสหประชาชาติในการแก้ปัญหาข้อพิพาท เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์บานปลาย


ขณะที่ผู้แทนสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อกรณีที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลในที่ประชุมความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เช่นกัน


โรเบิร์ต วูด ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ออกมาระบุว่า อิหร่านจะต้องรับผิดชอบหากว่ามีการกระทำอันป็นการต่อต้านอิสราเอล หรือสหรัฐฯ นอกเหนือต่อจากนี้ พร้อมทั้งระบุว่า การโจมตีอิสราเอลในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเป็นภัยคุกคามต่อแค่ประชาชนในอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อประชาชนในประเทศอื่น ๆ รวมถึง จอร์แดน และอิรักอีกด้วย


ด้าน บาร์บารา วูดวอร์ด ผู้แทนสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ ก็ได้กล่าวเห็นด้วยกับเรื่องที่ผู้แทนสหรัฐฯ พูดถึงเรื่องที่เหตุการณ์นี้มีผลกระทบต่อประชาชนในประเทศอื่น ๆ อาทิ จอร์แดน และอิรัก พร้อมทั้งย้ำว่า สหราชอาณาจักรจะเร่งทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศต่อไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ในตะวันออกกลางเพื่อไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้


ขณะที่ อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ก็เรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน พร้อมกับเตือนให้สมาชิกองค์การสหประชาชาติทุกประเทศอย่าลืมว่า การตอบโต้ที่เป็นการใช้กำลังนั้นถือเป็นข้อห้ามภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ


กูแตร์เรส ระบุว่า เขาขอประณามการเรื่องที่อิหร่านโจมตีครั้งใหญ่ต่ออิสราเอล พร้อมกับขอให้ทุกฝ่ายยุติการเป็นปรปักษ์กันโดยทันที และนับจากนี้ขอให้ทุกรัฐแก้ปัญหาภายใต้วิธีกฎบัตรสหประชาชาติ หลีกเลี่ยงการใช้กำลังที่กระทบกับบูรณภาพแห่งดินแดน หรือ เอกราชของประเทศใด ๆ ก็ตาม ขณะเดียวกัน ตัวเขาก็ขอประณามเรื่องที่มีการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายนด้วยเช่นกัน


นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็น ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า เราทุกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ภายใต้ ปฏิญญากรุงวอชิงตันประจำปี 1970 หรือที่เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “ปฏิญญามิตรประเทศ” ที่ระบุเอาไว้ว่า การกระทำตอบโต้ที่เป็นการใช้กำลังจะถือเป็นข้อห้ามภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ


ขณะเดียวกัน กูแตร์เรส ยังพูดถึงเรื่องที่ทุกฝ่ายมีความรับผิดชอบร่วมกันในเรื่องทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมในฉนวนกาซามีผลในทันที รวมถึงการปล่อยตัวประกันทั้งหมดแบบไม่มีเงื่อนไข และการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซาโดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ 


ทางด้านผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติ และผู้แทนอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ต่างฝ่ายต่างก็กล่าวโจมตีกันในที่ประชุมความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ


กีลาด เออร์ดัน ผู้แทนอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ระบุในที่ประชุมว่า ทำไมทุกฝ่ายถึงไม่ประณามอิหร่านทั้ง ๆ ที่อิหร่านกระทำการโจมตีบูรณภาพของอิสราเอลแบบโจ่งแจ้งและภาคภูมิใจ 


พร้อมทั้งระบุว่า การโจมตีครั้งนี้ได้ละเมิดข้อห้ามทุกอย่าง และอิสราเอลเป็นชาตินักรบ ดังนั้น อิสราเอลจะขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้เพื่อปกป้องอนาคต พร้อมกับเรียกร้องให้ยูเอ็นประณามการกระทำของอิหร่าน และใช้มาตรการคว่ำบาตรอีกครั้ง และกำหนดให้กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านเป็นองค์การก่อการร้ายทันที ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของอิสราเอล แต่เพื่อประโยชน์ของโลก


ขณะที่ ซาอิด อีวารานี ผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติ ตอบโต้ว่า กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอิหร่านมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการโจมตีอิสราเอล เพื่อป้องกันตนเอง ตามหัวข้อที่ 51 ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นความจำเป็นและมีวัตถุประสงค์ทางการทหารเท่านั้น และได้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันอันตรายต่อพลเรือนและลดโอกาสที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย


นอกจากนี้ ตัวแทนอิหร่านยังย้ำด้วยว่า อิหร่านไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับสหรัฐฯ และได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีเป้าหมายเพื่อสันติภาพเท่านั้น 


ขณะเดียวกัน อิหร่านก็ใช้ความอดกลั้นต่อเรื่องที่สหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องเหตุขัดแย้งในฉนวนกาซา ดังนั้น หากสหรัฐฯ จะเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารต่ออิหร่าน หรือการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและพลเมืองของอิหร่าน อิหร่านจะใช้สิทธิ์โดยชอบธรรมในการตอบโต้ตามความเหมาะสม 

—————

ภาพ: Reuters

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง