DELTA "หุ้นดับ" ราคาร่วงแรงสุดในเอเชีย มาร์เก็ตแคปวูบ 1.26 ล้านลบ.ใน 4 เดือน หลังเป้ากำไรหด ตลท.ปรับเกณฑ์กดดัน

ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 หุ้นของบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA พุ่งแรงแซงหน้าหุ้นของบริษัทอื่นทั่วโลก แต่ในปัจจุบันราคาหุ้น DELTA กลับดิ่งลงอย่างรุนแรง

สรุปข่าว
จากราคาสูงสุดของ DELTA ที่อยู่ที่ 173.50 บาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Capitalization อยู่ที่ 2.16 ล้านล้านบาท ในขณะที่ราคาล่าสุด (27 มี.ค.68) อยู่ที่ 72.25 บาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 9.01 แสนล้านบาท คิดเป็นคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่หายไปถึง 1.26 ล้านล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 4 เดือน โดยที่ราคาเคยทำจุดต่ำสุด 52 สัปดาห์ที่ 66.75 บาท
หุ้นของ Delta ร่วงลงมากกว่า 50% ในปี 2568 ซึ่งถือเป็นการร่วงลงอย่างรวดเร็ว และรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายอื่นๆของโลกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์ก DELTA กลายเป็นหุ้นที่ตกต่ำที่สุดในดัชนี MSCI Asia Pacific
การร่วงลงของหุ้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของหุ้นไทยที่ร้อนแรงอย่าง "สุดขั้ว" จากกระแสความนิยมด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ส่งผลให้มูลค่าหุ้นเพิ่มสูงขึ้น และการร่วงลงอย่างรุนแรงมีจุดเริ่มต้นจากที่หุ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และรุนแรงขึ้นไปอีกหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเสนอให้ปรับลดน้ำหนักในการคำนวนดัชนี และรายงานกำไรสุทธิต่ำกว่าที่คาด
บริษัทกำลังเผชิญกับ “อุปสรรคสำคัญต่อผลกำไรจากโครงสร้างต้นทุนที่เพิ่มขึ้น” และการเติบโตที่ชะลอตัว ยูกิ ทาเคชิมะ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการเติบโตของ AI ไม่น่าจะสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญให้กับเดลต้าในปี 2025 ตามที่ทาเคชิมะแนะนำในการขายหุ้นดังกล่าว
ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ Delta Electronics Inc. บริษัทแม่ของ DELTA ในไต้หวัน ผลิตส่วนประกอบสำหรับรถยนต์ และอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับ Data Center รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ราคาหุ้นลดลง 23% เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ หลังจากรายงานรายได้สุทธิทั้งปีที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ บริษัทเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่ารายได้ในไตรมาสที่สี่ลดลงไปถึง 54%
ทางด้านแนวโน้มกำไรของ DELTA อาจจะยังคงกดดันราคาหุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 5% ในปี 2568 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาษีเงินได้ที่สูงขึ้น จากการที่รัฐบาลจะปรับอัตราภาษีเงินได้เฉลี่ยของบริษัทขึ้นเป็น 15% ทำให้นักวิเคราะห์มีการปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้น DELTA ลงเกือบครึ่งหนึ่ง
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดข้อจำกัดการซื้อขายหุ้นของเดลต้าในเดือนพฤศจิกายน เพื่อจำกัดการเก็งกำไรที่มากเกินไป รวมถึงยังได้เสนอให้จำกัดการถ่วงน้ำหนักหุ้นรายตัวในดัชนีหลัก เช่น SET50 หลังจากที่ราคาหุ้น DELTA มีความผันผวนสูง ส่งผลกระทบต่อดัชนีโดยรวม ทั้งนี้ในปัจจุบัน ราคาหุ้น DELTA คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 6% ของดัชนี SET Index ซึ่งลดลงจากประมาณ 12% ในเดือนพฤศจิกายน
ที่มาข้อมูล : ข่าวต่างประเทศ, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ที่มารูปภาพ : TNN

มงคล เกษตรเวทิน