การพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นด้วยตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินนั้น ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญ และเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการคัดเลือกหุ้นที่ได้ราคาที่เหมาะสม แต่การคัดเลือกหุ้นด้วยการใช้อัตราส่วนทางการเงิน โดยเฉพาะตัวเลข P/E นั้นก็มีข้อจำกัดเช่นกัน
เราจะมาทำความรู้จักกับ “5 เรื่องต้องรู้ก่อนเลือกหุ้นด้วย P/E”
สรุปข่าว
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับอัตราส่วนทางการเงินที่เรียกว่า P/E กันก่อน ซึ่งค่า P/E หรือ Price for earning นั้นคือตัวเลขอัตราส่วนของราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นของหุ้นตัวนั้น ๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาที่คิดเป็นกี่เท่าต่อความสามารถในการทำกำไร หรือเราอาจจะอธิบายได้ง่าย ๆ ว่าถ้าหากหุ้นตัวนั้นทำกำไรได้เท่าเดิมตลอด จะใช้เวลากี่ปีจึงจะสะท้อนราคาหุ้นในปัจจุบัน
โดยที่ตัวเลข P/E นั้น์อาจจะสะท้อนนัยยะสำคัญของผลประกอบการของหุ้นตัวนั้นได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ตัวเลข P/E ในหลาย ๆ แง่มุมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
ตัวเลข P/E ที่แสดงในข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้นเป็นการแสดงค่า Trailing P/E หรือ อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นย้อนหลังเป็นเวลา 4 ไตรมาสนั่นเอง นั่นหมายความว่าตัวเลข P/E ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากในปัจจุบัน หุ้นที่มี P/E ถูกในปัจจุบัน อาจจะมีค่า P/E ที่แพงขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นที่จะต้องศึกษาแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปด้วย
P/E ที่ต่ำอาจจะไม่ได้หมายความว่าราคาจะถูกเสมอไป นอกเหนือจากค่า P/E ที่เทียบราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นแล้ว ยังสามารถบ่งบอกได้ถึงความคาดหวังของหุ้นตัวนั้นในอนาคตได้อีกด้วย เช่นหุ้นบางตัวที่มีค่า P/E ต่ำ อาจจะไม่ได้มีราคาถูก แต่อาจจะเป็นเพราะอุตสาหกรรมของหุ้นตัวนั้นอาจจะไม่มีความแน่นอน ในอนาคต ทำให้เกิดความคาดหวังจากนักลงทุนที่ต่ำ เป็นต้น
อย่าดูตัวเลข P/E ล่าสุดเพียงเท่านั้น เราจำเป็นที่จะต้องศึกษาความเคลื่อนไหวของตัวเลข P/E ว่าที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างไร และเกิดจากสาเหตุอะไร เช่น P/E ที่เพิ่มขึ้นสูงจากราคาที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ความสามารถในการทำกำไรของหุ้นตัวนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง ก็อาจจะวิเคราะห์ได้ว่านักลงทุนให้ความคาดหวังที่สูงกับผลประกอบการของหุ้นตัวนั้นในอนาคต
P/E Ratio ที่เหมาะสม ควรอยู่ระดับไหน เราสามารถใช้ค่าเฉลี่ยของ P/E ของหุ้นตัวนั้นมาเปรียบเทียบกับปัจจุบันว่าอยู่สูงหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยหรือไม่ อย่างไร และมีเหตุผลมาจากอะไร ซึ่งก็อาจจะสะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนโดยรวมต่อการเติบโตที่สูงของหุ้นตัวนั้นในอนาคต ซึ่งก็จะทำให้ตัวเลข P/E นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญได้
และที่สำคัญที่สุดคือค่า P/E นอกเหนือจากเปรียบเทียบกับอดีตที่ผ่านมาแล้ว จำเป็นที่จะต้องเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีธุรกิจใกล้เคียงกัน หรือเปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ควรนำตัวเลข P/E ไปเปรียบเทียบหุ้นที่ทำธุรกิจแตกต่างกัน หรืออยู่คนละกลุ่มอุตสาหกรรมกัน
ที่มาข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย/สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
ที่มารูปภาพ : Canva

null null
(yurapong_yus)