
เปิดเหตุผล หุ้น K-Pop แรงดีไม่มีแผ่ว สวนกระแสการเมือง-เศรษฐกิจเกาหลีใต้
เป็นที่น่าสนใจสำหรับวงการ K-Pop ที่คนไทยเรารู้จักดี ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำต่างก็อยู่ในตลาดหุ้น หรือเรียกโดยรวมว่าหุ้นกลุ่ม K-Pop และแม้ว่าทางการเกาหลีใต้จะรายงานว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ชะลอตัวลง มีอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบหลายไตรมาส และสกุลเงินวอนของเกาหลีใต้ก็ถูกแรงกดดันด้วยเช่นกัน ไม่รับรวมถึงความร้อนแรงทางและผันผวนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา และยังความท้าทายใหญ่ คือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่เดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ปรากฎว่ายังคงมีหุ้นกลุ่มหนึ่งในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่เป็นความหวังของนักลงทุนในปีนี้ คือ หุ้นธุรกิจเคป็อป (K-Pop) ซึ่งเป็นหนึ่งในการส่งออกวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานเรื่องนี้ว่า หุ้นบริษัทเคป็อปรายใหญ่ 4 แห่งพุ่งขึ้นราว 20% – 30% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ แซงหน้าดัชนี KOSPI ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ปรับตัวขึ้นเพียง 5.39% และดัชนี KOSDAQ ที่เพิ่มขึ้น 8.8% ณ วันที่ 4 มีนาคม 2568

สรุปข่าว
เช่น หุ้นบริษัทไฮบ์ (Hybe) บริษัทดังซึ่งดูแลศิลปินมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับความนิยมระดับโลกอย่าง บีทีเอส (BTS) เป็นบริษัทเคป็อปที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) สูงที่สุด และเป็นส่วนหนึ่งของหุ้นกลุ่มบลูชิปในดัชนี KOSPI ขณะที่หุ้นบริษัทเอสเอ็ม เอนเตอร์เทนเมนต์ (SM Entertainment) เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนต์ (JYP Entertainment) และวายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ (YG Entertainment) ต่างก็รวมอยู่ในดัชนี KOSDAQ ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำ
ทั้งนี้การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นเคป็อปสะท้อนให้เห็นว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นจากในปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่ราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องจากยอดขายอัลบัมที่ซบเซาลงนั้นส่งผลกระทบต่อกำไรบริษัท
สาเหตุของความร้อนแรงในหุ้น K-Pop
ความเห็นจากนักวิเคราะถึงเรื่องนี้ โดย จี อิน-แฮ นักวิเคราะห์จากบริษัทชินฮาน ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หุ้นเคป็อปได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้งคือการที่ภาคส่วนนี้ไม่ได้เผชิญความเสี่ยงจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เขายังแสดงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเคป็อปว่า หุ้นกลุ่มดังกล่าวจะได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่สดใสในปีนี้ โดยให้คำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อและกลุ่มบันเทิงของเกาหลีใต้ที่ “Overweight” (เพิ่มน้ำหนักการลงทุน) โดยระบุถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น การคาดการณ์ที่ว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะทำผลงานได้แข็งแกร่งในปี 2568 เนื่องจากกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนการที่จีนกลับมาเปิดตลาดต้อนรับการแสดงจากศิลปินเกาหลีใต้อีกครั้ง
ที่สำคัญอีกหนึ่งปัจจัย คือ การยกเลิกการแบนจากจีน โดยสื่อที่ชื่อ เดอะ โคเรีย อีโคโนมิค เดลี รายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า จีนมีแนวโน้มที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามจัดอีเวนต์ที่แสดง “ฮันรยู” (Hallyu) หรือวัฒนธรรมยอดนิยมจากเกาหลีใต้ ในประเทศจีนอย่างเร็วที่สุดในเดือนพฤษภาคม 2568 นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนมีคำสั่งห้ามนำเข้าคอนเทนต์จากเกาหลีใต้ในปี 2560 เพื่อตอบโต้ต่อการที่เกาหลีใต้นำระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ เข้ามาติดตั้งในประเทศ

ทิฆัมพร อยู่กำเหนิด