4 มาตรการสำคัญเพื่อกระตุ้นตลาด

1. ปลดล็อกมาตรการ LTV (Loan to Value): การอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดทำให้ผู้ซื้อบ้านหลังที่สองหรือบ้านราคาแพงต้องใช้เงินดาวน์สูงขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อในตลาดลดลงอย่างมาก
2. กระตุ้นการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์: ปัจจุบันมีเพียงธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสินที่ยังคงปล่อยสินเชื่อ ขณะที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งชะลอการปล่อยกู้
3. ขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง: มาตรการเดิมที่หมดอายุไปเมื่อสิ้นปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดโอนทรัพย์สินลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปี
4. พิจารณาขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษี: เพื่อให้ครอบคลุมทุกระดับราคาและกลุ่มผู้ซื้อ เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดให้กลับมาฟื้นตัว

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

มาตรการดังกล่าวหากนำมาใช้ได้เร็ว อาจช่วยกระตุ้น GDP ไทยให้เติบโตขึ้นได้ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ มีส่วนสำคัญต่อการจ้างงานและการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบ อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการพิจารณาล่าช้า อาจส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์และการขายบ้านลดลงไปอีก กระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และภาคการเงิน

คุณพรนริศเปิดเผยว่า ปัจจุบันนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง แม้ว่าจะมีผู้ต้องการซื้อบ้าน แต่ด้วยข้อจำกัดทางสินเชื่อทำให้เกิดการชะลอตัวของตลาดอย่างหนัก หากมาตรการกระตุ้นไม่ออกมาในเร็ววัน ไตรมาสแรกของปีนี้อาจเงียบเหงากว่าที่คาด

ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยคาดว่าผลสรุปของมาตรการจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ เพื่อช่วยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เดินหน้าต่อไปได้ และเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย