ปรับกลยุทธ์ ตลาดหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี I WEALTH LIVE 6 มีนาคม 2568

ตลาดหุ้นไทยเปิดศักราชใหม่ด้วยการปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนว่าแนวโน้มจะยังคงปรับลดลงต่อไปหรือสามารถพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้ คุณณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ Senior Executive Vice President บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE ถึงมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดและกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลาที่ท้าทาย

ตลาดหุ้นอยู่ในวัฏจักร: จุดต่ำสุดอาจไม่ไกลจากนี้

คุณณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ ระบุว่า ตลาดหุ้นมีวัฏจักรของการขึ้นลงเป็นเรื่องปกติ หลังจากผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ตลาดมักจะค่อยๆ ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม จุดต่ำสุดที่แท้จริงมักจะสามารถระบุได้ก็ต่อเมื่อผ่านไปแล้ว ดังนั้น การคาดการณ์แนวรับจึงต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึก โดยเฉพาะหุ้นในดัชนี SET50 ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นขนาดใหญ่ของตลาด

ขณะนี้พบว่ามีหุ้นประมาณ 30 ตัวใน SET50 ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น และอีก 20 ตัวที่ถูกแรงขายหนักเริ่มมีแรงซื้อกลับมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าจุดต่ำสุดอาจอยู่ไม่ไกลจากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 1,100 จุด

สรุปข่าว

ตลาดหุ้นไทยร่วงต่ำสุดในรอบ 5 ปี แต่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมา ทำให้ดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,200 จุดบวกลบ 20 จุด กลยุทธ์ที่แนะนำคือถือหุ้นปันผลและเทรดตามรอบเพื่อสร้างโอกาสทำกำไรในช่วงตลาดผันผวน

แรงซื้อจากกองทุนในประเทศ ขณะที่ต่างชาติยังไม่กลับมา

นักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนต่างๆ เริ่มกลับเข้าซื้อหุ้นบางกลุ่ม ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นขนาดใหญ่บางตัว ส่งผลให้ตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200 จุดบวกลบ 20 จุดไปจนกว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามา


กลยุทธ์การลงทุน: เน้นหุ้นปันผลและเทรดตามรอบ

คุณณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาหุ้นที่จ่ายปันผลสูง โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารและพลังงาน เช่น PTT ที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 31 บาทและมีแนวรับที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี เช่น PTTGC, IVL และ TOP ซึ่งเคยถูกเทขายหนักเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยคาดว่า Low ของหุ้นกลุ่มนี้ได้ถูกยกขึ้นแล้ว


สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคา ควรใช้กลยุทธ์การซื้อ-ขายในกรอบระยะสั้น โดยซื้อเมื่อราคาปรับลดลง 2 วัน และขายเมื่อราคาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งอาจให้กำไรประมาณ 3% ต่อรอบ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Stop Loss สำหรับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง

ตลาดยังมีโอกาส แต่ต้องจับตาเงินทุนต่างชาติ

แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี แต่สัญญาณฟื้นตัวจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ และการยกตัวของหุ้นบางกลุ่มชี้ให้เห็นว่าโอกาสอาจอยู่ไม่ไกล อย่างไรก็ตาม การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของตลาดจะขึ้นอยู่กับกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งนักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด


ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ กลยุทธ์ที่เหมาะสมคือการถือหุ้นปันผลเพื่อรับผลตอบแทนที่มั่นคง และการซื้อ-ขายตามรอบสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างกำไรจากส่วนต่างของราคา ตลาดยังคงมีโอกาส แต่ต้องบริหารพอร์ตให้เหมาะสมกับภาวะที่ยังมีความผันผวนสูง


avatar

null null
(yurapong_yus)