
เกาะติดสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากทั้งสองฝ่ายเดินหน้าตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษี
ล่าสุดมีรายงานว่าทางการจีนออกมาเคลื่อนไหวต่อแรงกดดันที่มาจากสหรัฐฯ ยันจะสู้จนถึงที่สุด หากสหรัฐฯต้องการสงคราม
ข้อมูลจากสำนักข่าว CNBC รายงานว่า สถานทูตจีนในสหรัฐโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 5 มี.ค.68 ว่า
“หากสหรัฐต้องการสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษี สงครามการค้า หรือสงครามประเภทใดก็ตาม เราก็พร้อมที่จะสู้จนถึงที่สุด”
ต่อมาในวันเดียวกันก็มีการออกมาพูดจากทางโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนด้วย เกี่ยวกับคำอธิบายที่เกี่ยวข้องกับสารเฟนทานิลของสหรัฐ ในการกำหนดภาษีศุลกากรนั้นเป็นข้อแก้ตัวที่ไร้สาระ
โดยระบุว่า “หากสหรัฐมีวาระอื่นอยู่ในใจ และสหรัฐต้องการทำลายผลประโยชน์ของจีน เราก็พร้อมที่จะสู้จนถึงที่สุด เราเรียกร้องให้สหรัฐหยุดครอบงำและกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องของการเจรจาและความร่วมมือโดยเร็วที่สุด”

สรุปข่าว
นับเป็นการใช้คำพูดที่แข็งกร้าวที่สุดล่าสุดจากทางการจีน นับตั้งแต่วันที่โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดี และ การตอบโต้ด้วยคำพูดนี้เกิดขึ้นระหว่างการประชุมใหญ่ของจีน ในการประชุมสองสภา ซึ่งมีรวมตัวกันของบรรดาผู้นำในกรุงปักกิ่ง และมีประธานาธิบดีสี จินผิ้ง ผู้นำของจีนร่วมงาน
ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เดินหน้าเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีกเป็นครั้งที่ 2 ในอัตรา 10% เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ส่งผลให้อัตราภาษีรวมที่เรียกเก็บในเวลาเพียงประมาณหนึ่งเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 20%
จากนั้นจีนก็ได้ตอบโต้ทันที ด้วยการประกาศภาษีเพิ่มเติมสูงถึง 15% สำหรับสินค้าบางรายการของสหรัฐ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 และกำหนดข้อจำกัดการส่งออกใหม่หลายรายการสำหรับหน่วยงานที่ได้รับการกำหนดของสหรัฐ ส่วนมาตรการภาษีรอบแรกของสหรัฐในเดือนกุมภาพันธ์ ก็มีตอบโต้ไปแล้ว ตั้งแต่การเพิ่มภาษีนำเข้าพลังงานบางรายการของสหรัฐ และการนำบริษัทสหรัฐ 2 แห่งเข้าไปอยู่ในรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจำกัดความสามารถในการทำธุรกิจในประเทศในเอเชียได้
นอกจากนี้ ทางด้านของ โหลว ฉินเจียน โฆษกของสภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 14 สมัยที่ 3 เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐมีแนวโน้มว่าจะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่จีนจะไม่ยอมรับแรงกดดันหรือการคุกคามใดใด
ที่มาข้อมูล : CNBC
ที่มารูปภาพ : Freepik canva

ทิฆัมพร อยู่กำเหนิด