รอดไปอีก 1 เดือน ทรัมป์ เลื่อนเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ แคนาดา-เม็กซิโก

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ และต่างชาติได้จัดหาชิ้นส่วนและวัสดุจากห่วงโซ่อุปทานที่มีความซับซ้อน  กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์เหล่านี้ได้ร้องเรียนว่าพวกเขาไม่สามารถย้ายฐานการผลิตรถยนต์ไปยังสายการผลิตใหม่ในสหรัฐฯ ได้ง่ายอย่างที่ปธน.ทรัมป์ต้องการ และภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า เม็กซิโก ซึ่งมีข้อได้เปรียบจากแรงงานที่ถูกกว่านั้น เป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งโดยสารรายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐฯ ในปี 2567 ตามด้วย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และเยอรมนี

ทั้งนี้ ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจเลื่อนเวลาการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 1 เดือนเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ โดยหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ได้แรงหนุนจากข่าวดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 5.8% หุ้นจีเอ็ม พุ่งขึ้น 7.2% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นสเตลแลนทิส ทะยานขึ้น 9.2%

ขณะที่ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวของรัฐบาลแคนาดาเปิดเผยว่า แคนาดาเต็มใจที่จะลดการตอบโต้การใช้มาตรการภาษีศุลกากรต่อสหรัฐฯ หากรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกภาษีศุลกากรบางส่วนที่บังคับใช้กับแคนาดา พร้อมระบุด้วยว่าการเจรจาระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ยังคงเนินอยู่ในขณะนี้ และยังไม่มีการบรรลุข้อตกลง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแคนาดากำลังเปิดทางสู่การเจรจาเพื่อประนีประนอมด้านภาษีมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% จากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีไตรภาคีที่มีผลบังคับใช้ในปี 2563