หาทางออก กระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน คลัง - ธปท - สภาพัฒน์ จับมือ ดัน GDP โต 3.5%

คืบหน้าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากมีประชุม 3 หน่วยงานสำคัญ ล่าสุดนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลเบื้องต้นในการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อหาแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568 ให้ GDP ปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 3-3.5% 


ทั้งนี้จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 3 เครื่องยนต์หลักๆ ได้แก่


1. กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

เช่น มาตรการแก้หนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ความสะดวกของผู้เดินทาง การจัดทำวีซ่า ยกระดับความปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยว การเชื่อมต่อสนามบิน 


2. การส่งออก สินค้าเกษตรกรรม

ที่ผ่านมามีพึ่งพาการส่งออก65-70% ศึกษาปริมาณผลผลิตต่อไร่ เช่น ข้าว มัน ทุเรียน เป็นต้น โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน


3. ผลักดันการลงทุนผ่านอุตสาหกรรมต่างๆ

เน้นธุรกิจส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ รถอีวี 


สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบการแจกเงิน เช่น มาตรการท่องเที่ยวคนละครึ่ง และการแจกเงินต่าง  ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด แต่กระทรวงการคลังจะเลือกวิธีการใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งมาตรการที่ผ่านมากระเตื้องขึ้นบ้าง แต่ในอนาคตอาจจะต้องปรับรูปแบบใหม่


อย่างไรก็ตามแผนทั้งหมดนี้จะมีการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีว่ามีความเห็นด้วยอย่างไร หากเห็นด้วยจะมีการนำรายละเอียดทั้งหมดเข้าเสนอต่อคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้มีความเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุม ในช่วงเดือน มีนาคม 2568 นี้


หาทางออก กระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน  คลัง - ธปท - สภาพัฒน์ จับมือ ดัน GDP โต 3.5%

สรุปข่าว

คลัง - ธปท - สภาพัฒน์ ประชุมหาหามาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเป้าหมาย GDPไทย ปี 2568 โต 3.5% เบื้องต้นเน้นไปที่ 3 เครื่องยนต์หลัก คือ 1. กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 2. การส่งออก สินค้าเกษตรกรรม 3. ผลักดันการลงทุนผ่านอุตสาหกรรมต่างๆ จะนำรายละเอียดเสนอต่อนายกฯ และเข้าที่ประชุมเห็นชอบได้เดือนมีนาคม 2568

ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า ตามที่โจทย์ของรัฐบาลที่วางไว้ให้จีดีพีปีนี้โตเกิน 3- 3.5% นั้นต้องทำอย่างไร จาก 3 เครื่องยนต์  คือ 


การส่งออก ที่ประเมินไว้ต้องโต 3.5-4 % ดังนั้นในแต่ละเดือนต้องมีการส่งออกได้ประมาณ 2.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะมีการประสานกับกระทรวงพาณิชย์ หารือว่าจะเพิ่มตลาดไหน และเพิ่มสินค้าอะไร  เรื่องต่างๆจะเกี่ยวโยงกับภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน หากการส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น จากภาคอุตสาหกรรมที่มีการผลิตมากขึ้น เศรษฐกิจจะขยายตัวได้


การท่องเที่ยว ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาได้ขั้นต่ำ 38 ล้านคนในปีนี้ และมีรายได้ 1.65 ล้านล้านบาท  ให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณา ว่าจะมีการดึงนักท่องเที่ยวในส่วนไหนเข้ามา ต้องมีการทำตลาดมากขึ้นเพื่อดึงนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพเข้ามา และพยายามสร้างให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยต้องมากกว่า 4.2 หมื่นบาทต่อทริปและต่อคน


การลงทุน รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในแต่ละไตรมาสไม่ต่ำกว่า 85% จะส่งเสริมให้ภาคเอกชนที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ลงทุนอย่างน้อย 40-50% ของเม็ดเงินที่ได้รับในปีนี้ นอกจากนี้ยังจะกำหนดตัวชี้วัดผลงาน (KPI) สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การลงทุนดำเนินไปตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้นายดนุชา ยังย้ำด้วยว่า ต้องมีการขยับเป้าเบิกจ่ายให้ได้ 85-90 % เพื่อที่จะดันเศรษฐกิจให้โตเพราะเวลาดันเศรษฐกิจให้โตจะใช้ตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ ต้องใช้หลายตัวผสมกัน ซึ่งต้องมีการมาคุยกันให้ถึงเป้าโดยจะมีในส่วนของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย ที่จะต้องมีการทำให้ระยะเวลาสั้นลง เพื่อสนับสนุนให้มีการเบิกจ่ายได้เร็วขึ้น


ที่มาข้อมูล : รัฐบาลไทย

ที่มารูปภาพ : รัฐบาล ธปท.

avatar

ทิฆัมพร อยู่กำเหนิด