TSE ฉายภาพปี 2568 รุกธุรกิจโรงไฟฟ้า สุขภาพ และความงามตามเมกะเทรนด์โลก

ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า สำหรับแผนลงทุนในปี 2568 บริษัทเตรียมขยายการลงทุนในธุรกิจหลักกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนต่างๆจากที่ได้คัดเลือก และการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สู่ธุรกิจด้านสุขภาพและความงามตามเมกะเทรนด์ของโลก 

ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น จะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปีนี้และปีต่อๆไปเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

ล่าสุดกลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในรูปแบบของกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้ารูปแบบ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) และการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ เช่น Direct PPA และ ESCO Model (PPA) ซึ่งเป็นการขายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชนแบบครบวงจร 

จากปัจจุบัน TSE มีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 62 โครงการ มีกำลังการผลิตเสนอขายรวม 382.26 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 34 โครงการ และโครงการที่ยังไม่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) หรือที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกกว่า 28 โครงการ

รวมถึงเดินหน้ารุกขยายสายธุรกิจใหม่ด้าน Healthcare, ธุรกิจเสริมความงาม, Wellness และธุรกิจด้านเภสัชกรรม รวมถึงแตกไลย์ธุรกิจโครงการใหม่ๆ เช่น ศูนย์โรคเฉพาะทาง โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าและชัดเจนภายในปี 2568 นี้ เพื่อเป็นการเปิดช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ๆ (New S-Curve) เพิ่มเติมตามเป้าหมายที่กลุ่มบริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น

TSE ฉายภาพปี 2568 รุกธุรกิจโรงไฟฟ้า สุขภาพ และความงามตามเมกะเทรนด์โลก

สรุปข่าว

TSE ปี 2568 เดินหน้าขยายธุรกิจโรงไฟฟ้า สุขภาพ และความงาม ตามเมกะเทรนด์ของโลก พร้อมกับบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และชีวมวล มั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง ผลักดันผลงานเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่ปี 2567 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 1,228 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,154 ล้านบาท และมี Normalized EBITDA อยู่ที่ 725 ล้านบาท เเละมีกำไรที่ 152 ล้านบาท 

โดยบริษัทได้มีประเมินการด้อยค่าเงินลงทุนในการร่วมค้าของโครงการ สยาม โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ 1 (SSE1)  และประเมินการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บางโครงการ ส่งผลให้บริษัทรับรู้ขาดทุนในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จสำหรับปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567) เป็นจำนวน 501 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการ one –time transaction ที่เป็นการขาดทุนทางบัญชี ไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและการดำเนินงานตามปกติของบริษัท

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าชีวมวลของกลุ่มบริษัทฯ ยังคงสามารถดำเนินกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอจากการดำเนินงานปกติ โดยมีรายได้จากการรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) คงที่ตลอดอายุสัญญา

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัท มีการบริหารจัดการต้นทุนหลักในส่วนของกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการควบคุมจัดการค่าใช้จ่ายในการบริหาร (SG&A) ที่ลดลง อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน และไถ่ถอนหุ้นกู้คืนก่อนครบกำหนด

ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมาบริษัทได้ดำเนินการชำระคืนหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 มูลค่า 1,200 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยครบเต็มจำนวนตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว 

ที่มาข้อมูล : TSE

ที่มารูปภาพ : TSE

avatar

ธนานันท์ แก้ววิเศษ

แท็กบทความ

TSE
แคทลีน มาลีนนท์
ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่
โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน
โรงไฟฟ้าขยะชุมชน
Healthcare
ธุรกิจเสริมความงาม
Wellness