
สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนหลายด้านในตลาดการเงิน ทั้งจากประเด็นสงครามการค้า ความเสี่ยงเงินเฟ้อ รวมถึง Valuation ของตลาดหุ้นหลายแห่งที่อยู่ในระดับสูง ปัจจัยเหล่านี้อาจสร้างแรงกดดันให้เกิดแนวโน้มการ Downgrade ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน ตลอดจน Valuation ของตลาดหุ้นที่ลดลง
การเลือกลงทุนในตลาดหุ้นที่เต็มไปด้วย “เรื่องราวแห่งการ Upgrade” น่าจะเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำผลตอบแทนที่ Outperform ตลาดได้ และในปัจจุบันคงไม่มีตลาดหุ้นไหนแล้วที่กำลังเต็มไปด้วยเรื่องราวเหล่านี้มากเท่ากับ ตลาดหุ้นเวียดนาม
การ Upgrade ที่สร้างความฮือฮาให้กับนักลงทุนทั่วโลกก็คือ การ Upgrade เป้าหมาย GDP ของรัฐบาลเวียดนาม หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติอนุมัติให้รัฐบาลเวียดนามปรับเป้าหมายการเติบโตของ GDP ปี 2025 จากกรอบเดิมที่ 6.5 - 7% ขึ้นเป็นระดับ 8% โดยก่อนหน้านี้ นายฝ่าม มิงห์ จิ๋ง (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระบุว่ารัฐบาลมองว่าปี 2025 จะเป็น “ปีแห่งการเร่งเครื่อง” ของเศรษฐกิจเวียดนาม

สรุปข่าว
พร้อมกันนี้ เวียดนามยังได้ประกาศ “แผนปฏิรูประบบราชการ” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 ที่เวียดนามเปิดประเทศเข้าสู่โลกทุนนิยม โดยมีการยุบหน่วยงานภาครัฐลง 5 กระทรวงให้เหลือเพียง 14 กระทรวง เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงได้มีการจัดสรรงบประมาณการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 900 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 1.19 ล้านล้านบาท ซึ่งมีโครงการสำคัญขนาดใหญ่ เช่น สร้างทางรถไฟเชื่อมไปยังประเทศจีนและสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนจากต่างประเทศและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีจุดเด่นในการเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก
เมื่อเกิดการ Upgrade แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ จึงทำให้นักวิเคราะห์หันมา Upgrade กำไรบริษัทจดทะเบียน ให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2025 นักวิเคราะห์ใน Bloomberg Consensus ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนของเวียดนามขึ้นอีกถึง +5.5% จากประมาณการเดิม ทำให้ภาพรวมผลประกอบการของตลาดหุ้นเวียดนามในปีนี้น่าจะเติบโตสูงถึง +18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงเป็นลำดับต้นๆของโลก โดยอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่น จะเป็นกลุ่มที่พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ (Domestic plays) ได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยี
อีกหนึ่งการ Upgrade ที่นักลงทุนต่างเฝ้ารอคอยกันมาอย่างยาวนาน คือ การ Upgrade สถานะของตลาดหุ้นเวียดนามขึ้นเป็น Emerging Markets โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามและตลาดหลักทรัพย์ได้มีการประสานงานเพื่อผลักดันโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเวียดนามสามารถปลดล๊อคข้อจำกัดต่างๆ เช่น การยกเลิกเกณฑ์ Pre-funding จนมีความพร้อมตามเกณฑ์ที่จะได้รับการเลื่อนสถานะขึ้นเป็น Emerging Markets แล้ว
โดยตลาดคาดการณ์ว่า FTSE จะมีการประกาศเลื่อนสถานะเวียดนามเป็นตลาดหุ้น EM ในเดือนมีนาคมปีนี้ เพื่อเริ่มต้นบังคับใช้จริงในเดือนกันยายน ซึ่งหากมีการประกาศว่าตลาดหุ้นเวียดนามได้รับการเลื่อนสถานะขึ้นเป็นตลาดหุ้น EM จริง ก็จะเปิดโอกาสให้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม จนนำไปสู่ การ Upgrade มูลค่าหุ้นเวียดนาม (Valuation rerating) ซึ่งปัจจุบันซื้อขายในระดับ Forward PE เพียงแค่ 10.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของตลาดหุ้นเวียดนามเองที่ 12.5 เท่าอยู่ถึง 16% และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ของตลาดหุ้นกลุ่ม Emerging Markets ราว 28% ประเด็นนี้จึงถือเป็น Upside ในระดับ “Double Digit” ที่นักลงทุนไม่สามารถหาได้จากตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ

ธนวัน ปันทะโชติ