ERW กำไรพุ่ง 23% นักท่องเที่ยวต่างชาติหนุนรายได้โต จ่ายปันผล 0.09 บาท/หุ้น XD 7 มี.ค.68

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 โดยมีรายได้รวมก่อนรายการพิเศษ 2,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และบันทึกกำไรระดับ EBITDA ก่อนรายการพิเศษ 841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษจำนวน 370 ล้าน บาท เป็นการบันทึกกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 65% โดยบันทึกกำไรสุทธิรวมผลรายการพิเศษจากการกลับขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์ทางการเงินจำนวน 378 ล้านบาท  เติบโต 77% จากช่วงเดียวกันของปี 2566

ERW กำไรพุ่ง 23% นักท่องเที่ยวต่างชาติหนุนรายได้โต จ่ายปันผล 0.09 บาท/หุ้น XD 7 มี.ค.68

สรุปข่าว

ERW กำไรพุ่ง 23% นักท่องเที่ยวต่างชาติหนุนรายได้โต รวมถึงการปรับขึ้นราคาค่าโรงแรมอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าขยายโรงแรมอีกกกว่า 10 แห่งปีนี้ จากในปัจจุบันที่มีโรงแรมรวม 93 แห่ง และมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 11,543 ห้อง

ในขณะที่ปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมก่อนรายการพิเศษ 7,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และบันทึกกำไรระดับ EBITDA ก่อนรายการพิเศษ 2,645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% และกำไรสุทธิก่อน รายการพิเศษสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% และบริษัทบันทึกกำไรสุทธิเมื่อรวมผลรายการพิเศษจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ใช้วิธีส่วนได้เสียกำไรจากผลต่างของสินทรัพย์สิทธิการใช้ และหนี้สินตามสัญญาเช่าจากการเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่า และการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์จำนวน 1,281 ล้านบาท หรือเติบโต 72% จากปี 2566

โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญจากความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ในการปรับอัตราค่าห้องพัก และการกระจายกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลาย รวมถึงแรงสนับสนุนจากการเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยว และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาทิ ฟรีวีซ่า และจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นจำนวน 9.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของกลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาวจนถึงชั้นประหยัดกว่าร้อยละ 90 เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทั้งนี้บริษัทได้ปรับราคาค่าห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12% และอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น 2% ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยกลุ่มโรงแรมระดับกลาง และชั้นประหยัดมีการเติบโตอย่างโดดเด่นของรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักที่ 20% รวมถึงการกลับมาเปิดดำเนินการเต็มไตรมาสของโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา หลังจากปิดปรับปรุงตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง กันยายน 2567 ถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตของกลุ่มโรงแรมระดับกลาง ขณะที่โรงแรมชั้นประหยัดก็ได้รับแรง สนับสนุนจากความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกันภาพรวมปี 2568 บริษัทประมาณการเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 10% โดยแบ่งเป็นการเติบโตของกลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาว ถึงประหยัดที่ 5-7% และกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ทเติบโตที่ 23% จากปี 2567 และดำเนินการพัฒนา และขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนระยะยาวที่วางไว้  โดยมุ่งเน้นการลงทุนทั้งในโรงแรมระดับกลางโดยการเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวบริเวณ รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์เพื่อเตรียมการเปิดโรงแรมในอนาคต

และการปรับปรุงโรงแรมระดับ 5 ดาวถึงชั้นประหยัดที่มีอยู่เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังลงทุนในโรงแรมระดับบัดเจ็ทเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการทั้งใน และต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตที่มีเสถียรภาพในระยะยาว โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศไทยจำนวน 11 แห่ง และในปี 2568 บริษัทมีแผนในการเปิดโรงแรมใหม่ในกลุ่มโรงแรมระดับบัดเจ็ทจำนวน 10 สาขา จากในปัจจุบันที่มีโรงแรมรวม 93 แห่ง และมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 11,543 ห้อง

ทั้งนี้บริษัทอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.09 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือ XD ในวันที่ 07 มี.ค. 2568 และจะจ่ายปันผลในวันที่ 21 พ.ค. 2568

avatar

มงคล เกษตรเวทิน
()