​9 หัวใจ ชนะตลาดหุ้น สไตล์เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง

9 หัวใจ ชนะตลาดหุ้น สไตล์เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง

เสี่ยป๋องวัชระ แก้วสว่าง ได้เคยในสัมภาษณ์ในรายการ TNN WEALTH ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเนื้อหาสามารถประยุกต์ใช้ได้ดีทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบันที่เกิดภาวะซบเซา ทาง TNN WEALTH จึงขอหยิบยกบทสัมภาษณ์ในอดีต มาให้นักลงทุนทุกท่านได้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง โดยบทสัมภาษณ์นี้ มาจากรายการ TNN WEALTH LIVE ดำเนินรายการโดย คุณหมวย ธนวัน ปันทะโชติ

​9 หัวใจ ชนะตลาดหุ้น สไตล์เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง

สรุปข่าว

เสี่ยป๋องมีสไตล์การเล่นหุ้น Hybrid –Investor เสี่ยป๋องถือว่าเป็นนักลงทุนหุ้นสาย technical ระดับต้นๆของประเทศ ปัจจุบัน มีการลงทุนหุ้นสไตล์ Hybrid-Investor ซึ่งเป็นการลงทุน แบบลูกผสม ทั้งเทคนิคและพื้นฐานหุ้น แต่ส่วนตัวเสี่ยป๋องจะวิเคราะห์จากเทคนิคการอ่านกราฟเป็นหลัก ในการตัดสินใจ ประกอบกับข้อมูลพื้นฐานหุ้น โดยมีหัวใจสำคัญ คือ ​9 หัวใจ ชนะตลาดหุ้น สไตล์เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง



เสี่ยป๋องมีสไตล์การเล่นหุ้น Hybrid –Investor เสี่ยป๋องถือว่าเป็นนักลงทุนหุ้นสาย technical ระดับต้นๆของประเทศ ปัจจุบัน มีการลงทุนหุ้นสไตล์ Hybrid-Investor ซึ่งเป็นการลงทุน แบบลูกผสม ทั้งเทคนิคและพื้นฐานหุ้น แต่ส่วนตัวเสี่ยป๋องจะวิเคราะห์จากเทคนิคการอ่านกราฟเป็นหลัก ในการตัดสินใจ ประกอบกับข้อมูลพื้นฐานหุ้น โดยมี 9 หัวใจสำคัญ ในการลงทุน ดังนี้ 


1. Technical  คือกราฟ เป็นเครื่องมือบันทึกพฤติกรรมของนักลงทุน ทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นการสังเกตสัญญาณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณการซื้อ สัญญาณการขาย  ในอดีตจะเป็นตัวที่ทำนายแนวโน้มของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้น นักลงทุนสาย Hybrid จึงสามารถนำ technical  มาวิเคราะห์ ร่วมกับปัจจัยพื้นฐานของตัวหุ้นแต่ละตัว เพื่อทำการตัดสินใจลงทุน  โดยทั้งหมดไม่มีสูตรตายตัว แต่ต้องพิจารณาหลายๆองค์ประกอบรวมกัน และเมื่อผลลัพธ์ได้ถูกมากกว่าผิดก็เพียงพอแล้ว


2. Timing จากประสบการณ์ในตลาดหุ้นที่เสี่ยป๋องเจอบ่อย พบว่า บางที หุ้นตัวที่เราซื้อมักราคาไม่ขึ้น แต่ตัวอื่นที่เราไม่ได้สนใจกลับขึ้นสวนทาง ราคาพุ่งขึ้นๆ จนบางครั้ง ทำให้เราตัดสินใจผิด ซื้อขายหุ้นด้วยอารมณ์ โดยขายหุ้นตัวเดิม และไปซื้อหุ้นตามกระแส และสุดท้ายหุ้นตามกระแสกลับสงบนิ่งเมื่อเราซื้อ ดังนั้น Timing จึงมีความสำคัญมากในการซื้อขายหุ้น ซึ่ง หากศึกษากราฟ ดูพฤติกรรมดูจังหวะ ประกอบกับข้อมูลพื้นฐานหุ้น และปัจจัยต่างๆ แล้ว ควรรอจังหวะที่เหมาะสม จะช่วยทำให้สามารถซื้อหุ้นได้ถูกเวลา


3. วินัย สำคัญกว่าความรู้สึก นักลงทุนบางคน ไม่กล้ากลับมาซื้อหุ้นตัวเดิมเพราะความรู้สึก  โดยบางคนไม่กล้าเพราะรู้สึกว่าราคาหุ้นมันแพงขึ้นมาแล้ว ทั้งที่มีสัญญาซื้อ  ดังนั้น การระมัดระวังเกินไปอาจจะทำให้เสียโอกาสในการทำกำไร หากเราเป็นสายเทคนิคอลควรต้องทำตามวินัยไปจนครบช่วงเวลานึง แล้วค่อยมาประเมินผล เพื่อนำข้อมูลนั้นมาตัดสินใจ นักลงทุนต้องหาแนวทางการตัดสินใจของตัวเอง 


4. ความกลัว เป็นของคู่กับนักลงทุน นักลงทุนกับความกลัว เป็นของคู่กัน โดยเฉพาะคนที่เคยผ่านวิกฤติตลาดหุ้นมาหลายครั้ง ดั้งนั้น ยิ่งกลัว ก็ต้องยิ่งระวัง  เพราะความกลัวเป็นของคู่กันกับนักลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ตราบใดที่ยังไม่ออกจากวงการก็มีโอกาสพลาดได้เสมอ ดังนั้นจึงควรใช้ความรู้ที่แท้จริงในการลงทุน เพื่อจำกัดความกลัวในตลาดหุ้น 


5. ผิดเป็นครู การเรียนรู้จากการผิดพลาด คือครูที่สำคัญที่สุด คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้น จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ผิดพลาดก็ แก้ไขให้ถูกต้อง นำความผิดพลาดนั้น เตือนตัวเองให้ระมัดระวัง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อศึกษาหาแนวทางการลงทุนของตัวเองไปเรื่อยๆ ในตลาดหุ้นไม่มีใครรวยเพราะคนอื่น




6. ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส วิกฤติ COVID-19 ส่งผลกระทบทั้งโลก รวมถึงตลาดหุ้นด้วย โดยพบว่า มีบริษัทจดทะเบียนบางบริษัทขาดทุน  หลายบริษัทที่ล้มหายตายจากไป  ในขณะที่บางบริษัทก็แค่ประคองตัว แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาส และพบว่า มีบางบริษัทสวนทางวิกฤติ สามารถสร้างกำไรเติบโตได้ ดังนั้น นักลงทุนที่ติดตาม และวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจ ที่เป็นผู้รอด ก็ยังมีโอกาสทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ แม้ต้องเผชิญกับวิกฤติ ดังนั้นวิกฤติ COVID-19 ก็เหมือนกับ Crisis ทุกๆครั้งที่ผ่านมา หากนักลงทุนมีความขยัน อดทน  มีวินัย มีความรู้ สุดท้ายก็จะสามารถประคองตัวผ่านวิกฤติไปได้ และเชื่อมั่นว่า ฟ้าหลังฝนในตลาดหุ้นไทยย่อมดีเสมอ


7. ตามกระแส ตามข่าว เป็นปัจจุบันเสมอ การลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบัน ต้องไว รู้ก่อน ได้เปรียบ  ทุกความเคลือนไหว ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกประเทศ ล้วนมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคาหุ้น เช่น เรื่องวัคซีต้านไวรัส  US Bond Yield  มาตราการต่างๆจากภาครัฐ บทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ ดังนั้น การติดตามอ่านข่าวจากสำนักต่างๆ ข่าวเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความสำคัญต่อการเก็งกำไรในตลาดหุ้น รวมถึงการนำมาพิจารณาร่วมกับการลงทุน เมื่อพบปัจจัยส่งผลกระทบต่อพื้นฐานหุ้นรายตัว


8. ศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ อาชีพนักลงทุนในตลาดหุ้น จำเป็นต้องคอยหมั่นศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นเกราะป้องกันต้นเองในการลงทุน โดยปัจจุบันการแสวงหาความรู้ในการลงทุน หาได้ง่ายกว่าในอดีตมาก มีทั้งระบบต่างๆ เข้ามาช่วยเป็นเครื่องมือ เป็นแบบจำลองการเทรดหุ้น มี ข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่าย


9. สร้างความสำเร็จด้วยตัวเอง เสี่ยป๋องเชื่อว่า นักลงทุนทุกคนมีศักยภาพเสมอ ขอเพียงมีความมั่นใจในตัวเอง ขยัน ศึกษา หาความรู้ หาแนวทางการลงทุนในแบบฉบับตัวเอง คนที่จะประสบความสำเร็จต้องคิดค้นด้วยตัวเอง เรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วนำมาปรับใช้  เพื่อที่จะร่ำรวยด้วยตัวเอง  เสี่ยป๋องเองก็เคยผ่านความผิดหวังมาหลายครั้ง เคยท้อแต่ไม่เคยถอย และที่สำคัญเขาไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ และพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ปรับตัวในยุคนิวนอร์มอล ทำให้เสี่ยป๋อง “วัชระ แก้วสว่าง” เป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักลงทุนรุ่นต่อๆไป


ที่มาข้อมูล : tnn wealth

ที่มารูปภาพ : tnn

avatar

ธนวันปันทะโชติ
()

แท็กบทความ

เสี่ยป๋อง
วัชระแก้วสว่าง
เสี่ยป๋องวัชระ
เซียนหุ้นตลาดหุ้นไทย