
จับตาทิศทางการส่งออกของประเทศในกลุ่มอาเซียน หลังนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โดยเฉพาะเวียดนามที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา
ล่าสุดตัวเลขการส่งออกของประเทศเวียดนามในปี 2567 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง มาเลเซียและปะเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค เนื่องจากเวียดนามได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของบริษัทต่าง ๆ ที่ทยอยย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
ข้อมูลจากสื่อนิกเกอิ เอเชีย เปรียบเทียบแนวโน้มการค้าปี 2567 ของห้าประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งอ้างอิงข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการของแต่ละประเทศ (ไม่รวมสิงคโปร์ เนื่องจากขนาดการค้าที่เทียบกันไม่ได้) พบว่า การส่งออกของเวียดนามแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.03 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 13.8% จากปี 2566 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มูลค่าการส่งออกของเวียดนามทะลุ 4 แสนล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 2.14 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2560
ทั้งนี้การเติบโตนับเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงมากด้วยอัตราเลขสองหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่างเช่น มาเลเซียที่ขยายตัว 5.6% ประเทศไทย 5.4% และอินโดนีเซีย 2.3% ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่ามาจากปัจจัยสำคัญสองประการ คือ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และการที่ซัพพลายเออร์ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
โดยข้อมูลพบว่า การส่งออกของเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 23.4% แตะ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาค โตกว่ามาเลเซียที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 23.2% อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 19.2% และไทยเพิ่มขึ้น 13.7%

สรุปข่าว
เวียดนามได้ประโยชน์อย่างมากจากซัพพลายเออร์ที่ย้ายการผลิตออกจากจีน
โดยในปี 2567 เวียดนามมีซัพพลายเออร์ของ Apple จำนวน 35 ราย เพิ่มขึ้นจาก 27 รายในปี 2566 และมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่าไทย ซึ่งมีซัพพลายเออร์ของ Apple จำนวน 24 ราย
ปัจจุบันนี้ ประเทศเวียดนามมีโรงงานขนาดใหญ่ที่ประกอบอุปกรณ์ของแอปเปิ้ล เช่น AirPods, iPad และ Apple Watch ซึ่งตามรายงานของสื่อท้องถิ่นนั้น เวียดนามจะผลิต iPad และ Apple Watch คิดเป็น 20% ของทั่วโลก MacBook ที่ 5% และ AirPods ที่ 65% ในปี 2568
นอกจากแอปเปิ้ลแล้ว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ ตัดสินใจลงทุนในเวียดนามเช่นกัน อาทิ Meta เจ้าของ Facebook ซึ่งจะเริ่มผลิตชุดหูฟัง VR ในเวียดนามปีนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินลงทุนและสถานที่ตั้งโรงงาน แต่คาดว่า การผลิตหูฟัง Quest 3S ในเวียดนาม จะช่วยสร้างงานให้กับท้องถิ่นถึง 1,000 ตำแหน่ง
รวมไปถึงบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้อย่าง Samsung ก็มีการประกาศเพิ่มการลงทุนในเวียดนามแล้วด้วยเช่นกัน โดยโรงงานขนาดใหญ่ 2 แห่ง ในภาคเหนือของประเทศ และเตรียมที่จะลงทุนเพิ่มเติม 1.8 พันล้านดอลลาร์ ในโรงงานผลิตจอแสดงผล OLED แห่งใหม่ใกล้กับโรงงานที่มีอยู่เดิม ขณะที่ Hyosung Group กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ ก็วางแผนจะอัดฉีดเงิน 4 พันล้านดอลลาร์ในเวียดนามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ จีนมีการนำเข้าสินค้าจากบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้อยลง โดยการส่งออกของเวียดนามและมาเลเซียไปยังจีนลดลง 2% ในปี 2567 ขณะที่ฟิลิปปินส์ส่งออกไปยังจีนลดลงถึง 13.6%
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยไปจีนยังเติบโตที่ 3.1% และอินโดนีเซียโตที่ 0.4% แม้ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ก็ตาม
จับตาการส่งออกของกลุ่มชาติอาเซียนหลังจากนี้
ข้อมูลจากสำนักงานเลขาธิการอาเซียน นับจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้านการส่งออกของบรรดาประเทศสมาชิกที่ย้ายจากจีนไปยังสหรัฐฯอย่างชัดเจน
10 ประเทศอาเซียนส่งออกของไปยังสหรัฐฯ ช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2567 ทะลุ 8 หมื่นล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 4.38 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2562
มูลค่าการส่งออกของอาเซียนไปสหรัฐฯ สูงกว่าการส่งออกไปจีน ซึ่งมีมูลค่า 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และลดลง 2% จากปีก่อน ถือเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม และลดลงในอัตราที่เร็วขึ้นจากช่วงสามเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนามยังได้มีการกำหนดเป้าหมายการส่งออกที่ท้าทายสำหรับปี 2568 เอาไว้ที่ 451 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 12% จากปี 2567 และยังได้ย้ำเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามการค้าโลกด้วย
ที่มาข้อมูล : Nikkei Asia
ที่มารูปภาพ : Freepik