สหรัฐยังคงเดินหน้านโยบายรีดภาษีนำเข้าอย่างต่อเนื่อง ในสินค้าทุกกลุ่ม และพร้อมรับข้อเสนอเจรจาต่อรองจากนานาชาติ
ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขามีความตั้งใจที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ในระดับประมาณ 25% ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยาก็จะอยู่ในอัตราประมาณเดียวกัน หรืออาจจะสูงกว่า
ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยเรื่องดังกล่าวนี้ ระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโกของเขา ในวันอังคาร (18 กุมภาพันธ์ 2568 )ที่ผ่านมา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ โดยเขาระบุว่าอาจจะมีการประกาศอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2568
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับภาษีนำเข้าชิปและยา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า สินค้าเหล่านี้อาจจะถูกเรียกเก็บในอัตรา 25% หรืออาจจะสูงกว่า และจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลา 1 ปี แต่เราต้องการให้เวลาพวกเขาเข้ามาเจรจา
ทรัมป์กล่าวว่า
“เพราะอย่างที่คุณทราบ เมื่อพวกเขาเข้ามาในสหรัฐฯ และมีโรงงานที่นี่ ก็จะไม่มีภาษีนำเข้า” ปธน.ทรัมป์กล่าว และเสริมว่า ดังนั้น เราจึงต้องการให้โอกาสพวกเขาสักเล็กน้อย"
สรุปข่าว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะเปิดเผยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในวันที่ 2 เมษายน 2568 แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดต่าง ๆ เช่นประเทศใดที่จะตกเป็นเป้าหมายของมาตรการดังกล่าว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ ซึ่งรวมถึงบริษัทของญี่ปุ่น เยอรมนี และเกาหลีใต้ อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมากหากคณะบริหารของปธน.ทรัมป์นำมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์มาใช้
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นระบุว่า ตลาดสหรัฐฯ เป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมด ส่วนในปี 2566 นั้น ญี่ปุ่นส่งออกรถยนต์นั่งโดยสารประมาณ 1.44 ล้านคันไปยังสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่า มาตรการภาษีศุลกากรจะช่วยฟื้นฟูการผลิตภายในประเทศ และจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานิบดีทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศในอัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มีนาคม 2568
ที่มาข้อมูล : US Goverment สำนักข่าวเกียวโด
ที่มารูปภาพ : Flux Freepik