คลังยัน “เงินหมื่น เฟส 3" ใช้ระบบดิจิทัล แลกเป็นเงินสดไม่ได้

ความคืบหน้า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ระยะที่ 3  (เฟส 3) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยันว่า เงินดิจิทัลที่ประชาชนจะได้รับจากโครงการในเฟส 3 นี้ ยังอยู่ในมิติของ “เงินดิจิทัล” จะไม่สามารถนำไป "เปลี่ยน" เป็นเงินสดได้ตามที่มีกระแสข่าว แต่จะสามารถนำเงินดิจิทัลไป "ใช้จ่าย" แทนเงินสด เพื่อซื้อสินค้าต่างๆได้อย่างแน่นอน


พร้อมเปิดเผยว่า คลังกำลังพิจารณาปรับลดเงื่อนไขสำหรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัล เฟส 3 เพื่อให้ง่ายขึ้นสำหรับประชาชน และร้านค้า และจากเท่าที่หารือกันในขณะนี้ เงื่อนไขการใช้จ่ายจะยังคงคล้ายเดิม อาทิ การใช้จ่ายภายในเขตอำเภอ, การใช้จ่ายรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ของร้านค้า แต่อาจจะมีการผ่อนคลายเงื่อนไขบางข้อที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งานของประชาชน และร้านค้า


ส่วนรายละเอียดทั้งหมดยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อไป


สำหรับการทดสอบระบบ Open Loop กับสถาบันการเงินนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งทุกอย่างยังคงเดินหน้าตามไทม์ไลน์ทั้งหมด

คลังยัน “เงินหมื่น เฟส 3"  ใช้ระบบดิจิทัล แลกเป็นเงินสดไม่ได้

สรุปข่าว

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า เงินดิจิทัลที่ประชาชนจะได้รับจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในเฟส 3 นี้ ยังอยู่ในมิติของ “เงินดิจิทัล” จะไม่สามารถนำไป "เปลี่ยน" เป็นเงินสดได้ตามที่มีกระแสข่าว พร้อมเผยแจกเงินในเฟส 1 ให้กลุ่มเปราะบาง ลดความเหลื่อมล้ำได้

นายเผ่าภูมิ ยังเปิดเผยด้วยว่า จากการศึกษาดัชนี Gini Coefficient ซึ่งใช้วัดความเหลื่อมล้ำ ที่ระบุว่าเม็ดเงินจากโครงการโอนเงิน 10,000 บาท ระยะที่ 1  (เฟส 1) ให้กับประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านราย วงเงิน 1.45 แสนล้านบาทนั้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำลง 3 ปี ไม่ได้เป็นตัวเลขที่มากเกินไป 


เนื่องจากกระบวนการนี้เป็นการใส่เม็ดเงินขนาดใหญ่ มีการใช้หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ในการคัดเลือกผู้ที่จะได้รับเงิน ซึ่งทั้งหมดเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยโดยเฉพาะ และเม็ดเงินตรงนี้เข้าไปช่วยเพิ่มในเรื่องความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย เพิ่มฐานะ ซึ่งนั่นคือการลดความเหลื่อมล้ำโดยอัตโนมัติ 


โดยรัฐมนตรีช่วยคลังกล่าวว่า


“จากผลการศึกษา พบว่าเม็ดเงินจากโครงการเฟส 1 ทำให้ดัชนี Gini ลดลง 0.01% ซึ่งหากไม่มีการใส่มาตรการอะไรเข้าไปเลย ดัชนี Gini ของทุกประเทศจะลดลงอยู่แล้ว เมื่อเศรษฐกิจมีการเติบโต เทคโนโลยีดีขึ้น คนเข้าถึงการศึกษามากขึ้น แต่การลดลงจะเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่เม็ดเงินจากโครงการเฟส 1 ที่ลงไปวันนี้ ช่วยลดดัชนี Gini ของประเทศไทยลง 0.01% ถือว่าเร็วขึ้นกว่าการไม่ทำอะไรเลยถึง 3%"

ที่มาข้อมูล : รัฐบาล

ที่มารูปภาพ : รัฐบาล