คาดเฟดเบรกลดดอกเบี้ยยาว เหตุภาษีทรัมป์ ดันเงินเฟ้อพุ่ง

ผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ความกังวลด้านการค้า แต่อาจจะมีผลต่อนโยบายการเงินด้วยเช่นกัน


ล่าสุดข้อมูลจากผลสำรวจของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะรอจนถึงไตรมาสหน้าก่อน ถึงจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง  จากความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น  ซึ่งแต่เดิมนั้นนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนมีนาคม 2568 นี้


บรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อขึ้น นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากกังวลว่านโยบายของทรัมป์ โดยเฉพาะเรื่องภาษีศุลกากร อาจทำให้แรงกดดันด้านราคากลับมาเพิ่มขึ้นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ  โดยก่อนหน้านี้เฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยลงไปแล้วรวม 1% ระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า พวกเขา “ไม่รีบร้อน” ที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก


ขณะที่ตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากจึงมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ยังอยู่ในสภาวะที่ดี และยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง


คาดเฟดเบรกลดดอกเบี้ยยาว เหตุภาษีทรัมป์ ดันเงินเฟ้อพุ่ง

สรุปข่าว

นักเศรษฐศาสตร์จากโพลสำรวจของรอยเตอร์ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะไม่ลดดอกเบี้ยยาวอีกหลายเดือน จากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ทำให้เกิดความกังวลว่าจะไปกระทบต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

และจนถึงขณะนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงเดินหน้าประกาศมาตรการภาษีใหม่ทุกสัปดาห์  เช่น ล่าสุด คือ การลงนามเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดที่อัตรา 25% เริ่มตั้งแต่ 4 มีนาคม 2568  โดยก่อนหน้านี้ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่ม 10 %  ส่วนภาษีนำเข้าเม็กซิโกและแคนาดาถูกเลื่อนเวลาออกไปจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2568 


เจมส์ ไนท์ลีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของไอเอ็นจี (ING) ระบุว่า  ภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยให้เกิดเงินเฟ้อ และอาจส่งผลลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย ความไม่แน่นอนนี้ทำให้เฟดต้องรอดูว่าสถานการณ์ว่าจะพัฒนาไปในทิศทางใด ทั้งนี้ นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ มีหลายส่วนที่แตกต่างกัน และบางอย่างก็ดูเหมือนจะขัดแย้งกันเอง สิ่งนี้ทำให้สถานการณ์ท้าทายอย่างมาก ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยมั่นใจในการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือเศรษฐกิจโลกในขณะนี้


ย้อนกลับไปที่ผลสำรวจเมื่อเดือนมกราคม 2568 นักเศรษฐศาสตร์เกือบ 60% คาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2568  แต่ในการสำรวจล่าสุดระหว่างวันที่ 4-10 กุมภาพันธ์ 2568 นั้น มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยพบว่า  นักเศรษฐศาสตร์ 2 ใน 3 ส่วน หรือ 67 จาก 101 คนคาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งในจำนวนนี้ 22 คนคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2568 และ 45 คนคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2/2568


มีเพียง 17 จาก 99 คนที่คาดการณ์ถึงสิ้นปี 2568 โดยเชื่อว่า การลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่ 16 คนมองว่า เฟดจะไม่ปรับลดดอกเบี้ยเลยในปีนี้


ส่วนตลาดสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าคาดว่า มีโอกาสมากกว่า 50% เล็กน้อยที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งภายในกลางปีนี้


ที่มาข้อมูล : Reuters

ที่มารูปภาพ : Freepik