GULF จ่อ COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม 1,500 MW หนุนรายได้ปี 68 โต 20-25%

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 โดยมีรายได้รวม (total revenue) เท่ากับ 124,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จาก 116,951 ล้านบาท ในปี 2566 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) เท่ากับ 18,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จาก 15,644 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา

พร้อมทั้งตั้งเป้ารายได้ปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25% โดยโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้ 

ได้แก่ โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยตามกำหนด ในเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ 

GULF จ่อ COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม 1,500 MW หนุนรายได้ปี 68 โต 20-25%

สรุปข่าว

GULF ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตขึ้น 20-25% เตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ อีกราว 1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้ ล่าสุดกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 มีนาคม 2568

ในส่วนของธุรกิจก๊าซ ในปีนี้ กลุ่มบริษัท มีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD และ HKP ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจาก shipper fee โดยเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจก๊าซของบริษัทต่อไป

สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังคงเป็นไปตามแผน โดยโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2568 ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2569 

ในส่วนของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ณ ปัจจุบัน ได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีกำหนดรับมอบพื้นที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อเริ่มก่อสร้างท่าเทียบเรือในช่วงปลายปี 2568 

นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (data center) มีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการเฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ ในเดือนเมษายน 2568 ปีนี้ โดยบริษัท มีแผนที่จะขยายขนาดการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 100-200 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในประเทศไทย 

ในขณะที่ธุรกิจ cloud ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการประมวลผลข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังมองถึงการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชัน AI และการเสริมความแข็งแกร่งด้าน cybersecurity เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 ในอัตรา 1.01 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 83% โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 มีนาคม 2568

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน บริษัทอยู่ในกระบวนการการควบรวมกิจการกับ INTUCH ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นไตรมาสที่ 2/2568 โดยบริษัทใหม่ (NewCo) จะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

เนื่องจาก NewCo จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน ADVANC เป็น 40.44% จากเดิมถือทางอ้อมในสัดส่วน 19.16% ส่งผลให้ได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะเดียวกัน กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในอนาคต 

ที่มาข้อมูล : กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี

ที่มารูปภาพ : กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี

แท็กบทความ

กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี
GULF
ยุพาพิน วังวิวัฒน์
โรงไฟฟ้า
ธุรกิจก๊าซ