นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้หารือผ่านระบบประชุมทางไกลกับ นายมารอส เซฟโควิช กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและความโปร่งใส เพื่อผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (EU) ตามนโยบายของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสรุปการเจรจาภายในปีนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้ ในการขยายตลาด ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ และดึงดูดนักลงทุนจากยุโรปให้มากขึ้น
โดยทั้งสองฝ่ายได้แสดงจุดยืนร่วมกันว่า การเป็นพันธมิตรทางการค้าที่ไว้ใจได้และมีเสถียรภาพ” ผ่านการจัดทำ FTA เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามไทยและ EU มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อข้อกำหนดในข้อตกลง FTA นายพิชัยเน้นย้ำว่า ความยืดหยุ่นและความช่วยเหลือทางวิชาการจาก EU จะมีส่วนช่วยให้การเจรจาประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
สรุปข่าว
ทั้งนี้ EU เป็นตลาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเป็นพันธมิตรทางการค้ารายสำคัญของไทย หากสามารถสรุปผลการเจรจา FTA ได้ จะช่วยสร้างแต้มต่อให้สินค้าไทยในการแข่งขันระดับโลก ลดต้นทุนการผลิตดึงดูดการลงทุน และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้ การเจรจา FTA ไทย-EU ดำเนินไปแล้ว 4 รอบ
โดยสามารถสรุปผลการเจรจาได้ 2 บท และเริ่มหารือเรื่องการเปิดตลาดสินค้าและบริการแล้ว สำหรับการเจรจารอบที่ 5 ฝ่าย EU จะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 31 มีนาคม – 4 เมษายน 2568 โดยไทยกับอียูจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถบรรลุผลการเจรจา FTA ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2568
อย่างไรก็ตาม การเร่งสรุป FTA ไทย-EU ไม่ใช่แค่การเพิ่มมูลค่าการค้า แต่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย โดยไทยจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้เพื่อขยายตลาด ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ และดึงดูดนักลงทุนจากยุโรปให้มากขึ้น ซึ่ง FTA ไทย-EU จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และช่วยให้ไทยปรับตัวได้ดีขึ้นต่อการแข่งขันในเวทีโลก

Chakorn Nhukongmai
(Chakorn Nhukongmai)