สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า Walmart Inc. ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ขอให้ซัพพลายเออร์ในจีนบางรายลดราคาสินค้าอย่างมาก พยายามเลี่ยงภาษีจากมาตรการภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ แต่กลับถูกกดดันอย่างหนักจากบริษัทต่างๆ ในประเทศแถบเอเชีย
ทั้งนี้ ซัพพลายเออร์บางราย รวมถึงผู้ผลิตเครื่องครัวและเสื้อผ้า ถูกขอให้ลดราคาสินค้าลงมากถึง 10% ต่อรอบภาษี ซึ่งเท่ากับว่าทรัมป์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเรียกเก็บภาษีสินค้าของทรัมป์ โดยการเจรจาต่อรองจะจัดขึ้นกับผู้ผลิตแต่ละราย และการปรับลดราคาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท
สรุปข่าว
นอกจากนี้ การผลักดันของ Walmart แสดงให้เห็นว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นจะปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้บริโภคในสหรัฐ ซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นอยู่แล้ว
ในขณะที่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐ ลดความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากร โดยกล่าวว่าผู้ผลิตในจีนจะต้องรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ผู้ค้าปลีกกล่องใหญ่ Target Corp. และ Best Buy Co. ได้เตือนว่าผู้ซื้อควรคาดหวังว่าราคาจะสูงขึ้นจากสงครามการค้าที่ยังคงเกิดขึ้นกับเม็กซิโกและแคนาดาด้วย
โฆษกของ Walmart กล่าวว่า บริษัทจะทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ต่อไปเพื่อรักษาราคาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับลูกค้า บริษัทขอสนับสนุนให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อหาจุดร่วมที่จะปกป้องผู้ซื้อจากการขึ้นราคาและช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรก Walmartได้ร้องขอให้ผู้ผลิตลดราคาสินค้าเมื่อทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้าจากจีนรอบแรก 10% ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 จากนั้นก็มีการร้องขอให้ปรับลดเพิ่มเติมในช่วงปลายเดือนเดียวกัน เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีเป็น 2 เท่า
ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ที่มารูปภาพ : TNN

Chakorn Nhukongmai
(Chakorn Nhukongmai)