อินโดนีเซีย เจอเงินฝืดครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินโดนีเซีย รายงานภาวะเงินฝืดประจำปีครั้งแรกในรอบกว่า 2 ทศวรรษ โดยราคาไฟฟ้าและอาหารหลักบางชนิดลดลง ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีเวลาในการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยหากค่าเงินรูเปียห์มีเสถียรภาพ

สำนักงานสถิติอินโดนีเซียรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ลดลง 0.09% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2543 นอกจากนี้ตัวเลขรายปียังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.04% ในการสำรวจของ Bloomberg News


สรุปข่าว

“อินโดนีเซีย” เผชิญภาวะเงินฝืดครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี ขณะที่เงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน

ทั้งนี้ ภาวะเงินฝืดเกิดขึ้นเนื่องจากราคาบ้าน น้ำ ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงในครัวเรือนลดลงเหลือ 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากรัฐบาลให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ลูกค้าบางรายจนถึงสิ้นเดือนที่แล้ว ราคาอาหารหลัก เช่น ข้าว มะเขือเทศ และพริกแดงก็ลดลงเช่นกัน ราคาลดลงทุกเดือน ส่งผลให้ภาวะเงินฝืดในเดือนมกราคมยาวนานขึ้น

นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภครายปีที่ลดลงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ADF) อยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอินโดนีเซียที่ 1.5%-3.5% สำหรับปี 2568 มากขึ้น อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งตัดผลกระทบจากราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนออกไปแล้ว ยังคงเพิ่มขึ้นที่ 2.48% ท่ามกลางราคาสินค้าต่างๆ ที่สูงขึ้น เช่น เครื่องประดับทองคำและน้ำมันปรุงอาหาร


อย่างไรก็ตาม เงินรูเปียห์แข็งค่าขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน โดยได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นในภูมิภาค และจากกฎเกณฑ์แก้ไขที่กำหนดให้ผู้ส่งออกทรัพยากรธรรมชาติต้องเก็บรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดไว้ในประเทศเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สกุลเงินนี้ยังคงเป็นสกุลเงินที่มีผลงานแย่ที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลักของเอเชียในปีนี้ โดยร่วงลง 2.32%

ที่มาข้อมูล : สำนักข่าวบลูมเบิร์ก

ที่มารูปภาพ : TNN

avatar

Chakorn Nhukongmai
(Chakorn Nhukongmai)