
นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทก้าวสู่ปีที่ 25 สะท้อนความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในการเป็นผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจร โดย ปีนี้บริษัทฯ วางกลยุทธ์การขับเคลื่อนทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจสู่ความยั่งยืน ผ่าน 3Ps คือ PEOPLE : มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถสูง , PROCESS : พัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนให้ทัดเทียมสากล และ PROFIT : ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดยมุ่งสร้างผลกำไรให้บริษัทฯ ผ่านการจำหน่ายยานยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงบริการต่างๆ แบบครบวงจร ผสานกับบริการหลังการขาย รวมถึงศูนย์ซ่อมสีตัวถัง และบริการดูแลรถยนต์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ รถเช่า มีแผนนำเทคโนโลยีทันสมัย มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับฟลีตรถเช่า ทั้งระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงเพิ่มจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าในฟลีตรถเช่าระยะยาว รองรับการเติบโตของลูกค้าองค์กร นำไปสู่การสร้างกำไร ท่ามกลางระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ

สรุปข่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางยุทธศาสตร์การเติบโต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. STRATEGIC GROWTH OBJECTIVES : โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจ ควบคู่กับแผนการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือและรักษาการให้บริการกับกลุ่มลูกค้า
2. BUSINESS ECOSYSTEM SEGMENTS : สร้างแบรนด์ร่วม (Co-Branding) สู่การพัฒนา เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงแผนการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก โดยบริษัทฯ จะร่วมกับ XPENG และ ZEEKR ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน เพื่อขยายตลาด และ 3. SUSTAINABILITY AND INNOVATION : ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ต่อยอดสู่พลังงานหมุนเวียน
โดยในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มความได้เปรียบสูงสุด ให้ธุรกิจในกลุ่มการเงิน, ประกันภัย และยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจยังยืน สอดรับกับกลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) : บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดรถพรีเมียม เพื่อครองอันดับ 1 โดยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายแบรนด์ดังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมพัฒนา MGC-MOBILIFE แพลตฟอร์ม loyalty program ที่มอบสิทธิประโยชน์เหนือระดับ โดยใช้ระบบ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) : ปีนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายสาขา MMS Car Service & Tire ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (One-Stop Service) เพิ่มอีก 6 สาขา จากเดิม 22 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อขยายการให้บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) และเพิ่มบริการให้ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่ สร้างอัตราการกลับมาใช้บริการของลูกค้าให้สูงขึ้น
3. กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) : กลุ่มบริษัทฯ วางแผนในการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมการเดินทางให้ครบวงจรทุกมิติ และปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การให้บริการตามการเติบโตของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มที่ให้บริการลูกค้าองค์กรมากขึ้น
และ 4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) : สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC จะร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในปีนี้ จะมุ่งเน้นการเติบโตจากการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น พร้อมปรับปรุงกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต ส่วนบริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า ปีนี้ที่จะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อรักษาการเป็นโบรกเกอร์ระดับชั้นนำ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 145.60 ล้านบาท และ EBITDA ที่ระดับ1,631 ล้านบาท แม้จะมีความท้าทาย จากภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ มีอัตราส่วนลดลง แต่บริษัทสาารุรับมือกับสถานการณ์ได้น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วนลดลงเพียงร้อยละ 10 ดีกว่างภาพรวมตลาดที่ลดลงร้อยละ 26 เป็นผลมาจากรถยนต์ไฟฟ้าก็มีการเติบโตอย่างมีนัย ทั้งแบรนด์ XPENG และ ZEEKR ที่ได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมียอดส่งมอบรถมากกว่า 1,000 คัน จากปีก่อนที่ภาพรวมการส่งมอบรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองประมาณ 9,000 คัน
นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีสินค้ารอส่งมอบ (Backlog) แบ่งเป็น, XPENG จำนวน 767 คัน , ZEEKR จำนวน 230 คัน, Rolls-Royce จำนวน 8 คัน, BMW จำนวน 42 คัน, MINI Cooper จำนวน 78 คัน, HONDA จำนวน 337 คัน, Harley-Davidson จำนวน 50 คัน และ BMW Motorrad จำนวน 41 คัน ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ยังเตรียมส่งมอบรถยนต์ XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ พวงมาลัยขวาล็อตแรกของโลก เพื่อต่อยอดผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
และในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแบรนด์ XPENG จำนวน 12 แห่งทั่วประเทศ และ ZEEKR by Z Mobility Plus อีก 2 สาขา คือ ศรีนครินทร์ และวิภาวดี ขณะที่ธุรกิจบริการหลังการขาย รวมถึงศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง Tesla Approved Body Shop (TAB) ที่ได้รับความไว้วางใจจาก TESLA ให้เป็นผู้บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ก็อยู่ในช่วงขยายตัวและมีกำไรต่อเนื่อง จากการเพิ่มจำนวนของรถยนต์ที่เข้ารับบริการร้อยละ 19
จินดา (ปุ๊) 065-339-5444, 02-943-2681
ที่มาข้อมูล : บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน)
ที่มารูปภาพ : บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน)

Pornsawan Nantha
(Pornsawan Nantha)