
ผลสำรวจของหอการค้าอเมริกันในเวียดนาม เปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิตอเมริกันส่วนใหญ่คาดว่าอาจถูกกดดันให้เลิกจ้างพนักงานในเวียดนาม หากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากเวียดนาม ซึ่งพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก
ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 4-11 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นจังหวะที่ประธานาธิบดีทรัมป์อนุมัติแผนเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมในอัตราร้อยละ 25 รวมทั้งประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ทุกประเทศที่การค้าไม่สมดุล และเก็บภาษีนำเข้าสำหรับเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ และยา
ผลสำรวจพบว่า เกือบ 2 ใน 3 ของบริษัทภาคการผลิตอเมริกันมองว่ามีโอกาสถูกกดดันให้ปรับลดพนักงาน แต่หากเป็นธุรกิจโดยรวมสัดส่วนจะอยู่ที่ราวร้อยละ 50

สรุปข่าว
ผลสำรวจล่าสุดสอบความเห็นของบริษัทอเมริกันในเวียดนามที่เป็นสมาชิกหอการค้าฯ มากกว่า 100 ราย รวมถึงบริษัทข้ามชาติรายใหญ่อย่าง “อินเทล” และ “ไนกี้”
ทั้งนี้ เวียดนามได้ประโยชน์จากการลงทุนขนาดใหญ่ของผู้ผลิตที่ย้ายฐานจากจีน หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งในวาระแรก
ข้อมูลจากทางการเวียดนามล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมกราคม ระบุว่า ราวร้อยละ 60 ของการลงทุนจากต่างประเทศที่มีมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ อยู่ที่ภาคการผลิต
ในช่วงแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์รับตำแหน่ง นักลงทุนต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจในภาคการผลิตที่เวียดนามยังมองโลกในแง่ดี เนื่องจากมีแผนเก็บภาษีจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา แต่หลังจากนั้นเริ่มมีความกังวลมากขึ้น เพราะมาตรการภาษีเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาษีตอบโต้ทุกประเทศ (reciprocal tariff)
นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า เวียดนามอาจเป็นเป้าหมายของมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ เนื่องจากเวียดนามเกินดุลการค้าสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง