KTB ชี้ไทยจุดหมายสำคัญดึงดูดลงทุนจากจีน

นายกณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า ในปี 2568 การลงทุนภาคเอกชนจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะพลิกกลับมาขยายตัวได้ร้อยละ 3 

โดยในระยะถัดไป ประเมินว่า FDI จากจีนจะมีบทบาทกับการลงทุนของไทยมากขึ้น เห็นได้จากในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา FDI จากจีนอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นอย่างชัดเจน สวนทางกับแชมป์เก่าอย่างญี่ปุ่นที่เป็นเทรนด์ขาลง โดยในปี 2567 FDI จากจีนมีมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนถึง 175,000 ล้านบาท สูงกว่าญี่ปุ่น 3-4 เท่าตัว



สรุปข่าว

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ชี้ไทยจุดหมายสำคัญดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากจีน หนุนการลงทุนภาคเอกชนปีนี้พลิกบวกหลังหดตัวจากปีก่อน แนะจับตา 5 ปัจจัยกระทบ FDI ในอนาคต

Krungthai COMPASS มองว่าไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของการลงทุนจากจีน เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการดึงดูด FDI ที่โดดเด่นไม่เป็นรองกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน สะท้อนจากมุมมองของต่างชาติ 

เช่น Milken Institute คลังสมอง (Think Tank) ชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ชี้ว่าไทยติดอยู่ในอันดับ 2  ของกลุ่มประเทศ Emerging and Developing Asia เป็นรองเพียงมาเลเซีย จากการมีจุดเด่นเรื่อง สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และความพร้อมของบริการด้านการเงิน ส่วนจุดที่ยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ คือ การปกป้องสิทธิของนักลงทุน และความสอดคล้องกับกฎระเบียบสากล

ดร. สุปรีย์ ศรีสำราญ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่าในระยะแรก FDI ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยใน 3 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่ 

1) ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจากความต้องการซื้อที่ดินและสาธารณูปโภค 

2) ธุรกิจก่อสร้างจากความต้องการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจเพิ่มขึ้นราวปีละ 0.85-1.05 แสนล้านบาท 

และ 3) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อขายให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งมักซื้อคอนโดมิเนียมที่มีราคาเฉลี่ยถึง 4.7 ล้านบาทต่อยูนิต สูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนไทยถึงร้อยละ 114

อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้า ยังต้องติดตาม 5 ปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อ FDI ได้แก่ 1) ภาวะสงครามการค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ-จีน 2) ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก 3) กฎระเบียบของโลกและประเทศคู่ค้า 4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย และ 5) ความพร้อมด้านเทคโนโลยี 

ทั้งนี้ ในมิติกฎระเบียบของโลก การเริ่มต้นของมาตรการจัดเก็บภาษีขั้นต่ำของโลก (Global Minimum Tax) อาจทำให้สิทธิประโยชน์ด้านอัตราภาษีนิติบุคคลที่ได้รับจากการส่งเสริมการลงทุน ไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบในการดึงดูด FDI อีกต่อไป 

ไทยจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทั้งชนิดโครงการและประสิทธิภาพ พัฒนาทักษะบุคลากรผ่านการ Upskill และ Reskill รวมถึงมุ่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี เพื่อเป็นการรักษา FDI ที่ไทยได้รับให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง


ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN

แท็กบทความ

เศรษฐกิจ insightKrungthai COMPASS
เงินลงทุนโดยตรงจากจีน
การลงทุนภาคเอกชน
ภาวะสงครามการค้า