CNBC รายงานว่าการเลิกจ้างของเชฟรอน บริษัทพลังงานที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ จะเริ่มต้นขึ้นในปีนี้ โดยการเลิกจ้างส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี 2026 ขณะที่บริษัท กำลังมองหาวิธีลดต้นทุนระหว่าง 2,000 - 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในสิ้นปีหน้า จากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี การขายสินทรัพย์ และการเปลี่ยนแปลงวิธีการและสถานที่ทำงาน
เชฟรอน มีพนักงานทั้งหมด 45,600 คน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2023 ตามเอกสารประจำปีล่าสุด หากจำนวนพนักงาน ณ สิ้นปี 2024 ใกล้เคียงกัน การลดจำนวนพนักงานลงร้อยละ 20 จะส่งผลให้มีการเลิกจ้างมากกว่า 9,000 คน
โดยเชฟรอนกำลังพัวพันกับการต่อสู้ในชั้นศาลกับคู่แข่งอย่าง Exxon Mobil เกี่ยวกับการที่บริษัทมีแผนจะซื้อกิจการ Hess Corp ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่มูลค่า 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นแผนหลักในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเสร็จสิ้นหรือไม่
ในขณะเดียวกัน บริษัทก็กำลังเผชิญกับอัตรากำไรที่อ่อนแอในธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ซึ่งรายงานการขาดทุนในไตรมาสที่ 4 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
สรุปข่าว
มาร์ก เนลสัน รองประธานเชฟรอนกล่าวในแถลงการณ์ ว่าเราไม่ได้ดำเนินการอย่างไม่รอบคอบ และจะสนับสนุนพนักงานของเราตลอดช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ความเป็นผู้นำที่มีความรับผิดชอบทำให้จำเป็นต้องทำมาตรการเหล่านี้เพื่อปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของบริษัท เพื่อพนักงาน ผู้ถือหุ้น และชุมชนของเรา
ราคาหุ้นเชฟรอนซื้อขายลดลงมากกว่าร้อยละ 1 ในวันพุธ แต่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7 แล้วในปีนี้
รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปตามที่ วอลล์สตรีท คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากธุรกิจเชื้อเพลิงรายนี้ขาดทุน 248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อเทียบกับกำไร 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีก่อน เนื่องจากอัตรากำไรจากการกลั่นน้ำมันลดลง
ขณะนี้เชฟรอนกำลังอยู่ระหว่างการย้ายสำนักงานใหญ่ของบริษัทจากซานราโมน รัฐแคลิฟอร์เนียไปยังฮูสตัน
แหล่งข่าวระบุด้วนว่า บริษัทได้แจ้งกับพนักงานว่าสามารถเลือกที่จะขายหุ้นของบริษัทได้ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม

Passavee Thi
(passavee_thi)