ศึกอีวีจีนระอุ! BYD เปิดแนวรบ เล็งใช้ DeepSeek AI l การตลาดเงินล้าน

สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานว่า บีวายดี เปิดแนวรบใหม่ในการแข่งขันด้านราคา ด้วยการเปิดใช้ฟีเจอร์ขับขี่อัจฉริยะในรถยนต์ บีวายดี เกือบทุกรุ่น แบบไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงรุ่นราคาประหยัด อย่างรถแฮตช์แบ็ก ซีกัล (Seagull) 

โดย บีวายดี ซีกัล สำหรับรุ่นที่มีราคาถูกสุดนั้น ปัจจุบันจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 69,800 หยวน หรือ ประมาณ 9,550 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ถ้าคิดเป็นเงินบาท ก็อยู่ที่ประมาณ 320,000 กว่าบาท) 

นอกจากนี้ บีวายดี ยังวางแผนที่จะบูรณาการซอฟร์แวร์ จาก DeepSeek ซึ่ง DeepSeek เป็นสตาร์ทอัปด้าน เอไอ สัญชาติจีน ที่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยโมเดล เอไอ แบบ โอเพ่นซอร์ส อย่างไรก็ดี ผู้บริหาร บีวายดี ยังไม่ได้ระบุว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด

บลูมเบิร์ก รายงานอีกว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด และระบบช่วยขับขี่ ถือเป็นสนามรบหลักของผู้ผลิตรถยนต์ในจีน โดย บีวายดี กำลังมองหาหนทางที่จะปิดช่องว่างด้านเทคโนโลยีกับคู่แข่งที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น เอ็กซ์เผิง และเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่ท้าทายต่อ เทสลา

ซึ่งคุณ หวัง ชวนฝู (Wang Chuanfu) ประธาน BYD กล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีแรกของการขับขี่อัจฉริยะสำหรับทุกคน และมันจะกลายเป็นสิ่งที่ต้องมีในอีก 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับที่รถยนต์ต้องมี เข็มขัดนิรภัย หรือถุงลมนิรภัย

โดยระบบช่วยขับขี่ God’s Eye ของบีวายดี นั้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2023 โดยใช้กล้อง และเซ็นเซอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ช่วยขับขี่ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การจอดรถอัตโนมัติ การปรับระยะความเร็ว และการเบรกอัตโนมัติ 

อย่างไรก็ดี ระบบช่วยขับขี่ แม้จะเป็นสนามรบหลักของผู้ผลิตรถยนต์จีน แต่รถยนต์ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันจากคู่แข่ง มักขายในราคาสูงกว่า 150,000 หยวน และผู้ผลิตบางรายก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เพื่อเปิดใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว  ขณะที่ เทสลา ที่กำลังรอการอนุมัติจากรัฐบาลจีน เพื่อเปิดทดสอบระบบ FSD (ฟูล เซลฟ์ ไดร้ฟวิง - Full Self-Driving) เป็นระบบการขับขี่อัตโนมัติของเทสลาเอง แต่การใช้งานระบบดังกล่าว ที่สหรัฐฯ ก็คิดค่าบริการ อยู่ที่ 99 ดอลลาร์ต่อเดือน

การประกาศของ บีวายดี ครั้งนี้ ทำให้ Lei Xing (เล่ย ซิง) นักวิเคราะห์อิสระด้านยานยนต์ กล่าวว่า นี่คือ การตัดราคา แบบไม่ตัดราคา แต่แอบแฝงมาในรูปแบบการอัปเดตฟีเจอร์อัจฉริยะในรถ บีวายดี ทุกรุ่น รวมถึงรุ่นราคาประหยัดด้วย

สรุปข่าว

ด้าน จอห์น เซง (John Zeng) หัวหน้าฝ่ายพยากรณ์ตลาดจีน จากบริษัทที่ปรึกษา GlobalData กล่าวกับ รอยเตอร์ส บอกว่า การเคลื่อนไหวไปสู่การขับขี่อัจฉริยะนั้น อาจเกิดจากการที่ บีวายดี รู้ตัวเองว่า ยอดขายของบริษัท ซึ่งแตะระดับ 4 ล้านคันในปีที่แล้วนั้น ได้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และบริษัทฯ จำเป็นต้องมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ซึ่งเขาบอกด้วยว่า การขับขี่อัจฉริยะ จะช่วยเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นไปอีกขั้น 

มีรายงานข่าวด้วยว่า ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์ของจีน เริ่มหันมาใช้ EIV (อีไอวี -electric intelligent vehicles) หรือ ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ กันมากขึ้น โดยติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในรถยนต์ของแต่ละแบรนด์เอง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ไม่ว่าจะเป็น SU7 ของเสียวหมี่ (Xiaomi) และ เอ็กซ์เผิง (Xpeng) ที่เปิดตัวยานยนต์ที่มีระบบ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และประสบการณ์ในห้องโดยสารของรถยนต์

ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผู้ผลิตรถยนต์จีน 2 ราย คือ Geely และ Dongfeng ก็ประกาศที่จะบูรณาการ DeepSeek AI เข้ากับรถยนต์ และสำหรับปรับปรุงด้านการพัฒนา เอไอ ของบริษัทฯ เอง

โดย เว็บไซต์ อินไซต์อีวี รายงานว่า จี๋ลี่ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของหลายแบรนด์ เช่น Zeekr, Polestar และ Volvo ได้ประกาศในงานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซีอีเอส (CES) ว่า กำลังดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่า เอไอ เต็มรูปแบบสำหรับยานยนต์อัจฉริยะ ซึ่งเวลานั้น หมายถึง โมเดล เอไอ ภายในของบริษัทฯ เอง  โดย เอไอ ของ จี๋ลี่ จะครอบคลุมประสบการณ์การขับขี่เป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่คำสั่งเสียงไปจนถึงพื้นฐานสำหรับการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ หรือสิ่งที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม จี๋ลี่ ยังมองหาโอกาสจากภายนอกเพื่อปรับปรุง เอไอ ของตน โดยจะบูรณาการ โมเดล เอไอ กับ DeepSeek R1 เพื่อฝึก เอไอ ของบริษัทและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

นอกจาก จี๋ลี่ แล้ว แบรนด์ Voyah ของ ตงเฟิง ก็ได้ประกาศเช่นกันว่า รถครอสโอเวอร์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Courage EV และ Dream MPV จะเป็นรถยนต์รุนแรกที่มีการผลิตจำนวนมาก และจะมีเครื่องมือ เอไอ รวมอยู่ในซอฟต์แวร์ของรถยนต์ด้วย โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่า DeepSeek จะถูกพอร์ตไปยังรถ รุ่น คูเรจ ก่อน ผ่านการอัปเดตแบบไร้สาย ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหมายถึงว่า DeepSeek จะรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ของรถยนต์ที่มีอยู่แล้วของ โวยาห์ และช่วยปรับปรุง การตอบสนอง ความแม่นยำ และขยายความสามารถของรถยนต์ในอนาคต

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้บริษัทฯ สามารถปรับปรุงซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของยานพาหนะและลูกค้าได้ดีขึ้น 

นอกจากนี้ มีรายงานเกี่ยวกับยอดขายรถยนต์เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

โดย รอยเตอร์ส รายงานว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์จีนนี้ ยอดขายรถยนต์ ในเดือน มกราคม 2025 กลับลดลงร้อยละ 12 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน ที่ผ่านมา และเป็นการลดลงครั้งใหญ่สุดในรอบเกือบปี

ซึ่งนักวิเคราะห์ ชี้ถึงสาเหตุว่า เกิดจากความต้องการบางส่วนของปีนี้ ถูกดึงออกไปล่วงหน้า เพราะในช่วงปลายปีที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์ต้องการเร่งขาย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายยอดขายประจำปี ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคเอง ก็รีบร้อนที่จะใช้ประโยชน์จากเงินอุดหนุนของรัฐบาล ก่อนที่จะมีการประกาศ ขยายเวลาการอุดหนุนออกไปอีก เมื่อเดือนที่แล้ว

ส่วน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด หรือเรียกว่ารถยนต์พลังงานใหม่(NEW) ทาง สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน รายงานว่า ยังเติบโต โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.2 ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งถือเป็นเดือนที่สองติดต่อกันที่รถยนต์พลังงานใหม่ สามารถขายได้แซงหน้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน 

ทั้งคาดการณ์ด้วยว่า ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ ทั้งปี 2025 จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีสัดส่วนร้อยละ 47 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด และจะเพิ่มเป็นร้อยละ 57 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

ที่มาข้อมูล : Bloomberg, Reuters

ที่มารูปภาพ : -