สมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในเดือนมกราคม ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.81 ล้านคัน เป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และเป็นการลดลงมากสุดในรอบเกือบ 1 ปี ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีแนวโน้มจะผันผวนในช่วง 2 เดือนแรก เนื่องจากจะตรงกับเทศกาลตรุษจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับเดือนมกราคม ขณะที่ปีที่แล้วตรงกับเดือนกุมภาพันธ์
ความต้องการรถยนต์บางส่วนในช่วงต้นปีนี้อาจมาจากการเร่งปิดยอดของค่ายรถตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ประกอบกับผู้บริโภคเร่งใช้สิทธิจากมาตรการอุดหนุนของรัฐบาล ก่อนที่จะประกาศขยายเวลามาตรการดังกล่าวออกไป
ส่วนยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่ประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถไฮบริด ขยายตัวร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบรายปี ทำให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแตะที่ร้อยละ 41.2 ของยอดขายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นับเป็นเดือนที่ 2 ที่ยอดขายรถ NEV ต่ำกว่ารถน้ำมัน
“ซุย ตงฉู่” เลขาธิการสมาคมฯ ระบุว่า โดยปกติแล้วช่วงก่อนวันตรุษจีนจะเป็นช่วงที่มีการซื้อรถยนต์ในพื้นที่ชนบทมากสุด ความต้องการส่วนใหญ่มาจากผู้ซื้อรถครั้งแรก และรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินมีสัดส่วนมากขึ้น
คาดว่ายอดขายรถยนต์พลังงานใหม่จะมีสัดส่วนร้อยละ 57 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47 ในปีที่แล้ว
จีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่สุดในโลกมียอดขายชะลอตัวในปีนี้ แม้รัฐบาลจะมีมาตรการอุดหนุน ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน EV รวมถึง BYD จึงแข่งขันสงครามราคาเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
สรุปข่าว
