
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือน ม.ค.2568 จากความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,686 ราย ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ ว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 51.5 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากระดับ 51.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยค่าที่มากกว่าระดับ 50 ถือว่าอยู่ในช่วงเชื่อมั่น และเป็นการเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 สะท้อนว่าประชาชนมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนียังคงอยู่ในช่วงเชื่อมั่น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และที่จะทยอยประกาศใช้ อาทิ มอบเงิน 1 หมื่นบาทสำหรับผู้สูงอายุ ช้อปลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt 2.0) และลดค่ากระแสไฟฟ้า เป็นต้น มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาทิ มาตรการยกเว้นวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว ทำงาน หรือการติดต่อธุรกิจระยะสั้น ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจบริการ และภาคการส่งออกที่ยังเติบโตได้ดีในหลายตลาดส่งออกสำคัญ

สรุปข่าว
ทั้งนี้ หากเจาะลึกปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็น 47.43% รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ 15.34% สังคม ความมั่นคง 8.48% ราคาสินค้าเกษตร 7.56% เศรษฐกิจโลก 6.95% การเมือง 5.33% ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 4.24% ภัยพิบัติ โรคระบาด 3.04% และอื่น ๆ 1.63% ตามลำดับ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในกลุ่มที่ไม่ได้ทำงานบำนาญ ปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือน ธ.ค.2567 คาดว่าเป็นผลจากการที่ผู้สูงอายุจะได้รับเงินหมื่นจากโครงการของรัฐบาลในช่วงปลายเดือน ม.ค.2568 ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนกลุ่มนี้
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพอื่น ๆ พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 5 อาชีพ ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 55.7 นักศึกษา อยู่ที่ระดับ 53.5 ผู้ประกอบการ อยู่ที่ระดับ 52.9 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 51.5 และพนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 50.1 ยกเว้น อาชีพรับจ้างอิสระ อยู่ที่ระดับ 49.3 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 44.2
ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคตว่ามีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ที่อาจส่งผลและช่วยให้การใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ มาตรการดึงดูดการท่องเที่ยว มาตรการขยายความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุน และมาตรการส่งเสริมการส่งออก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังมีความกังวลต่อหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ และนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่อาจส่งผลต่อความไม่แน่นอนของภาคการผลิตและการจ้างงาน อาจเป็นปัจจัยทอนที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอย่างทันท่วงทีและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อลดความกังวลและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป
ที่มาข้อมูล : กระทรวงพาณิชย์
ที่มารูปภาพ : AFP

Chayapha Pakdeesri
(Chayapha)