รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์ RISC กล่าวว่า ด้วยสภาพปัญหามลพิษทางอากาศที่มีอยู่ต่อเนื่อง จึงได้ดำเนินการวิจัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้เทคโนโลยีฟอกอากาศที่สามารถแปลงฝุ่นพิษหรือ PM 2.5 ให้เป็นอากาศที่มีความปลอดภัย จึงเป็นจุดกำเนิดของหอฟอกอากาศฟ้าใส โดยมีหลักการทำงานใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในระบบ ผ่านการแยกฝุ่นและละอองน้ำ ด้วยเทคโนโลยี Jet Venturi Scrubber ที่สามารถลดฝุ่นละอองได้สูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ฟ้าใส ได้รับการติดตั้งในพื้นที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ อาคาร ทรูดิจิทัลพาร์ค ช่วยลดค่าฝุ่นได้สูงถึงร้อยละ 50 มหาวิทยาลัยพะเยา ลดได้ ร้อยละ 40 ช่วยสร้างเซฟโซนที่มีสภาพอากาศที่ปลอดภัยภายนอกอาคารได้
ปัจจุบัน ศูนย์วิจัยฯ เดินหน้าพัฒนาเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ ๆ โดยพัฒนาจากรุ่น ฟ้าใส 1, ฟ้าใส 2 และ Fresh One เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในเมืองอย่างยั่งยืน
สรุปข่าว
สำหรับ "ฟ้าใส มินิ" ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ล่าสุดที่ RISC วิจัยในปัจจุบัน ติดตั้งที่ DTGO CampUs ถนน บางนา-ตราด กม. 7 เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท MQDC ซึ่งเป็นโมเดลที่มีขนาดเล็กลงช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดด้านการเข้าถึงและติดตั้งในพื้นที่ แต่คงประสิทธิภาพสูงโดยยังสามารถลดฝุ่นพิษลงได้ถึง 60,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่รัศมีรอบตัวหอฟอกอากาศประมาณ 20 – 50 เมตร ความสูงประมาณ 5 เมตร (พื้นที่ประมาณ 12,000 ตรม.) เทียบเท่าขนาดหนึ่งสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ และได้มีการวัดประสิทธิภาพการฟอกอากาศในเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า ฟ้าใส มินิ สามารถลดค่าฝุ่นได้ถึงร้อยละ 60
ปัจจุบัน บริษัท ดี ซูพรีม จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิบัตรฟ้าใสเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์ เน้นการพัฒนาให้มีความพร้อมสำหรับการจำหน่าย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจากศูนย์วิจัยฯ RISC ดังนั้น จึงเริ่มมีองค์กรต่าง ๆ ติดต่อเพื่อนำไปใช้งานโดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่วิกฤตฝุ่นพิษ อาทิ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งช่าติ ได้สั่งซื้อ "ฟ้าใส มินิ" และเตรียมติดตั้งในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้
ที่มาข้อมูล : ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
ที่มารูปภาพ : ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

Passavee Thi
(passavee_thi)