คุณ ชนวีร์ หอมเตย และคุณ ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันให้ข้อมูลถึงภาพรวมของธุรกิจอาหารญี่ปุ่น ในไทย ที่มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท โดยบอกว่า ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเจอกับความท้าทายหลายเรื่อง ทั้งจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น การแข่งขันระหว่างร้านอาหาร ตลอดจนเศรษฐกิจของไทยที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง นั่นทำให้ปีที่ผ่านมา ร้านอาหารญี่ปุ่นมีการปิดตัวไปหลายแบรนด์
รวมถึงร้านซูชิ ก็มีการปิดตัวกันไป เพราะว่าก่อนหน้านี้มีร้านซูชิ เกิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้มีบางร้านต้องปิดตัวไปบ้าง ขณะที่เทรนด์ของผู้บริโภคต่อร้าน ซูชิ ก็กำลังเน้นมองหาเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคากันมากขึ้น
อีกทั้ง คาดการณ์ด้วยว่า ความท้าทายดังกล่าว จะยังมีอยู่ต่อไปในปี 2568 โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปีนี้ ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นไปแล้วประมาณ ร้อยละ 50 วัตถุดิบที่ราคาปรับสูงขึ้น ก็เช่น แซลมอน และไข่ปลาแซลมอน รวมถึงวัตถุดิบอื่น ๆ จากญี่ปุ่น ที่ซัพพลายไม่เพียงพอ ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น เช่นข้าว และชาเขียว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการจัดหาวัตถุดิบไว้แล้ว และไม่มีแผนในการปรับขึ้นราคา
สรุปข่าว
สำหรับ แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 นี้ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ในการขยายสาขารวมทุกแบรนด์ 15-16 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวม 70 สาขา รวมถึง จะขยายครัวกลางเพิ่มเติมอีกด้วย
โดยร้าน ชินคันเซ็น ซูชิ ปัจจุบันมีสาขาอยู่จำนวน 57 สาขา ปีนี้จะเพิ่มอีก 5 สาขา และเน้นเปิดในต่างจังหวัดเป็นหลัก รวมถึงมีแผนจะรีแบรนด์ และปรับเมนูใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ชื่นชอบ ซูชิ โดยจะลดเมนูอาหารญี่ปุ่นลง และหันมาโฟกัสที่เมนู ซูชิ และ ซูชิ โรล ให้มากขึ้นแทน
ส่วน นักล่าหมูกระทะ ร้านอาหารแนวปิ้งย่างแบบไทย ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จนปัจจุบันมีสาขาแล้ว 12 สาขา และจะขยายเพิ่มเติมอีก 10 สาขาในปีนี้ เน้นสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ซึ่งแบรนด์ นักล่าหมูกระทะ จะเป็นหัวหอกสร้างการเติบโตในปีนี้ ร่วมกับ ร้านคัตสึ มิโดริ ซูชิ ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านซูชิ สายพานจากโตเกียว ที่ให้บริการมากว่า 23 ปี เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้เปิดสาขาในไทยแล้ว 1 แห่ง และปีนี้ คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 1-2 สาขา โดยจะเน้นสาขาพื้นที่ขนาด 300 ตารางเมตร ขึ้นไป
นอกจากนี้ ยังมีอีก 1 แบรนด์ที่เสริมเข้ามาในพอร์ตของบริษัทฯ คือ นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ ที่มีไลน์อาหารพรีเมียม และบาร์ ดีไอวาย รวมถึงยังมองหาแบรนด์ใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาเติมพอร์ตธุรกิจให้มากขึ้นในอนาคต
ผลประกอบการของ ชินคันเซ็น ซูชิ กันหน่อย ซึ่งเห็นการเติบโตต่อเนื่อง และสวนทางกับภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น
โดย ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 797 ล้านบาท และกำไร 63 ล้านบาท
ปี 2566 เติบโตเป็นเท่าตัว รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 1,414 ล้านบาท และกำไร 116 ล้านบาท
และปี 2567 ที่ผ่านมา รายได้รวมเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2,100 ล้านบาท (ส่วนกำไร รอตัวเลขแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง) แต่รายได้หลักของปี 2567 ยังเป็นร้าน ชินคันเซ็น ซูชิ คิดเป็นร้อยละ 75 ของรายได้รวมทั้งหมด
ส่วนเป้าหมายของปี 2568 มีการคาดหวัง จะเติบโตอีก ร้อยละ 30 ด้วยยอดขาย 2,800 ล้านบาท และจะผลักดันยอดขายไปสู่ตัวเลข 4,000 - 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี และมีจำนวนสาขาเพิ่มเป็น 100 สาขา

Passavee Thi
(passavee_thi)