
นายเฟรดเดอริค นอยแมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายวิจัย ประจำภูมิภาคเอเชีย ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า การกลับมาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มาพร้อมกับหลายนโยบายไม่ยังมีความแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องของการลดภาษีภาคธุรกิจ ส่งให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงต่อไป ส่วนนโยบายส่งแรงงานต่างด้าวกลับประเทศ ส่งผลให้จำนวนแรงงานลดผนวกเข้ากับตัวเลขว่างงานที่มีอยู่ จะกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด น่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ย เพื่อรักษาเสถียรภาพเอาไว้ และทำให้ค่าเงินสหรัฐแข็งค่า
ขณะที่ประเด็นเรื่องกำแพงภาษี ที่จะมีการปรับขึ้นภาษีจีนร้อยละ 10 และน่าจะปรับเพิ่มภาษีในยุโรป รวมไปถึงเม็กซิโก และแคนาดา ที่มีการชะลอไปก่อนหน้านี้ การรับมือของจีนจากการขึ้นภาษีของสหรัฐนั้น ทางเอชเอสบีซี ประเมินจากข้อมูลว่าน่าจะไม่กระทบมากนักเนื่องจาก เทียบการส่งออกของจีนไปสหรัฐกับจีดีพีทีอยู่ที่ ร้อยละ 2.5 เท่านั้น กระทบจีดีพีราวร้อยละ 0.2-0.3

สรุปข่าว
อย่างไรก็ตามสถานการณ์หลังจากนี้จะเห็นการย้ายฐานการผลิตของจีนมายังอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นไทย เวียดนาม มาเลเซีย ด้วยต้นทุนของแรงงานที่ถูกกว่าจีน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะเข้ามาในไทย เป็นกลุ่มยานยนต์อีวี ซัพลายเชนโลหะ เคมีภัณฑ์ ไทยน่าจะได้รับอานิสงส์ราวร้อยละ 0.1-0.2 ของจีดีพี นอกจากนี้ไทยยังมีจุดแข็งในกลุ่มการเกษตร การบริการ การท่องเที่ยว ก็น่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้คาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.3 ด้วยปัจจัยภายนอกประเทศข้างต้น ประกอบกับในประเทศ มีการจ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ยังต้องจับตา คือ การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดการชะลอการลงทุนของบริษัททั่วโลก พร้อมกันนี้ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2569 ไว้ที่ร้อยละ 2.7
ส่วนประเด็นไทยที่จะออกกฎหมายใหม่ ดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Hub)ทางเอชเอสบีซีมองประเด็นนี้ว่า เป็นเรื่องดี แต่ต้องหาตลาดเฉพาะทางสำหรับไทย ต้องหาจุดยืนและจุดแข็งให้ได้ เพราะการจะไปสู้กับ สิงคโปร์ ดูไป ฮ่องกงที่ทำอยู่แล้วคงยาก ที่สำคัญต้องเร่งเตรียมพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะบุคลากรทางการเงิน ต้องมีสิทธิประโยชน์ที่จะดึงคนเก่งเข้ามาได้ เพื่อรองรับการเป็นฮับทางการเงินของไทย